ไม่ใช่เพียงแต่ Bitcoin เท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา
อ้างอิงจากกราฟราคาบนเว็ปไซต์ TradingView ที่เผยให้เห็นว่าหลังจากที่ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ที่ได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 68 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากไม่นานนั้นมันก็ได้ร่วงลดลงมาอยู่ที่ 64% ซึ่งการที่ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ได้ร่วงลดลงกว่า 4% นั้นหมายความว่ามูลค่าโดยรวมของ Bitcoin นับพันล้านดอลลาร์ได้หลั่งไหลเข้าสู่เหรียญ Altcoin ตัวอื่น ๆ ในตลาด
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้ส่งผลทำให้เหรียญ Altcoin ส่วนใหญ่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งมูลค่าตลาดโดยรวมของเหรียญ Altcoin อย่างเช่น Chainlink ก็ได้ปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับข่าวดีของ Tezos โครงสร้างพื้นฐานของโปรเจคเหล่านี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า พวกมันมีงบดุลที่แข็งแกร่ง ซึ่งน่าจะสามารถต้านทานภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามนักเทรดคริปโตชื่อดังกำลังเริ่มต้นพิจารณาถึงตำแหน่งเหรียญ Altcoin ของเขาอีกครั้ง โดยอ้างถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามันกำลังมี “สัญญาณที่ไม่ดี” เกิดขึ้นกับตลาด Bitcoin
ทำไมนักเทรดคริปโตผู้นี้จึงไม่เชื่อมั่นในเหรียญ Altcoin
นักเทรดคริปโตที่ใช้นามแฝงบนทวีตเตอร์ว่า @Pentosh1 กล่าวว่า เขาจะทำการลดสัดส่วนการถือครองเหรียญ altcoins ของเขาลง 75% ในอนาคตอันใกล้นี้ และหันมาถือ Btc ให้มากขึ้นแทน
โดยเขาให้เหตุผลว่าการที่เขาตัดสินใจทำแบบนั้นก็เพราะ เหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin กำลังใกล้เข้ามาแล้วและหาก Bitcoin ถูกทุบราคา เหรียญ Altcoin ก็จะร่วงยับไปมากกว่าเดิม ซึ่งเขาเชื่อว่าเหรียญ Altcoin เป็นเหมือนเกมเก้าอี้ดนตรีที่เมื่อคุณนั่งคุณจะต้องรีบลุกให้ไว
Pentosh1 กล่าวต่อว่า เขามอง Altcoin เป็นเหมือนกับ “เกมเก้าอี้ดนตรี” และเหตุผลที่ราคาพุ่งขึ้นมาก็เป็นไปตามแพทเทริน์เดิม ๆ ของตลาด โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า :
“เหตุผลที่ราคาของเหรียญ Altcoin นั้นพุ่งขึ้นมาในช่วงนี้ ก็เพราะพวกมันมักจะทำตามรูปแบบเดิม ๆ เหมือนกับครั้งอดีตเช่น การทำงานร่วมกันของ IEO หรือเหรียญความเป็นส่วนตัว (privacy coin) ซึ่งนี่เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก”
เขาไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนั้น
Pentosh1 ไม่ใช่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น โดยก่อนหน้านี้นาย Dan Morehead อดีตนักเทรดของ Wall Street ที่ผันตัวมาเปิดกองทุนคริปโต ‘Pantera Capital’ ได้เขียนในจดหมายข่าวประจำเดือนมีนาคมของเขาว่า Bitcoin จะ “อาจจะทำให้โทเค็นตัวอื่น ๆ หยุดดำเนินการไปซักพัก” โดยเขาอธิบายต่อว่า Bitcoin นั้นเป็นหนึ่งในโปรเจคคริปโตที่มั่นคงและมันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเงินทุนแต่อย่างใด ซึ่งแตกต่างกับเหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ :
“Bitcoin เป็นโปรเจคที่มีผลงานมาอย่างยาวนานกว่า 11 ปี แต่สำหรับโปรเจคบล็อกเชนและสัญญา smart contract รุ่นใหม่ ๆ นั่นยังคงอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนาและพวกมันอาจต้องมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการระดมทุนเพื่อให้มีการพัฒนาที่สมบูรณ์”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า Bitcoin นั้นมีชั่วโมงบินที่มากกว่า Altcoin และมันก็จะได้ก้าวผ่านช่วงตลาดขาลงของคริปโตมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งนี่พิสูจน์แล้วว่า Bitcoin นั่นเป็นคริปโตเคอเรนซี่ที่มีความเสภียรภาพอย่างแท้จริง
ที่มา : newsbtc
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น