<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สาเหตุที่คุณควรลงทุนในเหรียญ XRP ในปี 2020 นี้ท่ามกลางวิกฤตตลาดโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เหรียญคริปโตที่เก่าแก่และมีชื่อเสียง อีกทั้งยังถือเป็นเลือดหล่อเลี้ยงเครือข่ายของ Ripple อย่าง XRP นั้นกำลังถูกซื้อขายอยู่ในตลาดคริปโตมากกว่า 100 แห่งทั่วโลกในขณะนี้

โดยในขณะนี้เหรียญ XRP นั้นถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 3 ของตลาดคริปโตหากอ้างอิงจากมูลค่าตลาดของเหรียญ โดยเป็นรองแค่ Ethereum และ Bitcoin เท่านั้น นอกจากนี้ตัวโพรโตคอลในการทำธุรกรรมหลักของ Ripple นั้นยังเป็นระบบแบบ real-time ที่ทำให้เงินที่ถูกโอนผ่านระบบดังกล่าวนั้นไปถึงเป้าหมายแบบทันทีอีกด้วย ไม่ว่าผู้โอนจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน และใช้ธนาคารอะไรก็ตาม

แม้ว่าความห่างชั้นของมูลค่าตลาด XRP และของอีกสองเหรียญที่กล่าวไปข้างต้นนั้นจะห่างกันมาก เนื่องจากว่าทั้ง BTC และ ETH ต่างก็มีกิจกรรมการใช้งานที่สูงกว่า XRP ในตอนนี้ แต่กระนั้นแม้ว่าเหรียญ XRP จะได้รับคำวิพากษ์วิจาร์อย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ทีมงานจาก Agora Dest ได้ออกมาตัดสินใจทำงานวิจัยของเหรียญดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในอนาคต โดยหลังจากการวิจัยแล้วนั้น พวกเขาพบว่า XRP มีศักยภาพในการมีผู้ที่จะเข้ามาใช้งานเหรียญดังกล่าวอีกอย่างมหาศาลในอนาคต

สาเหตุที่ XRP นั้นดึงดูดสถาบันการเงินเข้ามาเรื่อย ๆ

เราได้เริ่มต้นทษวรรษใหม่ของปี 2020 มาอย่างสมบุกสมบัน หรืออาจกล่าวได้ว่านี่คือขาลงของรถไฟเหาะตีลังกาที่ลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้วก็ได้ (หรืออาจจะยังไม่ถึงจุดต่ำสุด) หลัก ๆ นั้นเป็นเพราะว่าทุก ๆ อย่างในตลาดโลกดูเหมือนว่าจะหันหัวดิ่งลงด้านล่างหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ไปจนกระทั่งอัคคีภัยในออสเตรเลีย และอุทักภัย จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ เราได้เห็นการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปหลายแสนคน อีกทั้งยังทำให้เศรษฐกิจโลกต้องสั่นคลอนอีกด้วย

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นนั้นมีความผันผวนสูงมาก และหลังจากนั้นไม่กี่วันถัดมา ดัชนีหุ้นหลัก ๆ อย่างดาวโจนส์, NASDAQ, และ S&P 500 ก็ได้ร่วงลงมาอย่างรุนแรงมากที่สุด หากนับมาตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจโลกเกิดภาวะถดถอยเมื่อปี 2008 เลยทีเดียว

แม้ว่าตลาดคริปโตจะถูกตีตราว่าเป็นตลาดที่มีความไม่แน่นอนและความผันผวนสูง แต่ดูเหมือนว่ามันก็สามารถที่จะยืนหยัดต่อวิกฤตดังกล่าวได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามทุกอย่างดูเหมือนว่าจะดูดีไปจนกระทั่งวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อราคาของ Bitcoin และเหรียญ altcoin อื่น ๆ นั้นได้ร่วงลงอย่างรุนแรง

ภายหลังจากนั้นสองเดือนให้หลัง ตลาดคริปโตก็เริ่มที่จะฟื้นตัวขึ้นมาต่อ และดูมีความมั่นคงมากขึ้น และในตอนนี้แม้ว่าตลาดจะเริ่มมีการปรับตัวลงมาเล็กน้อย แต่นั่นก็เป็นการปรับตัวตามกลไกลตลาดตามปกติ ซึ่งทั้ง Bitcoin และ XRP นั้นต่างก็มีการร่วงลงของราคามาตั้งแต่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ซึ่งหากลองดูแล้วยังน้อยกว่าของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมานี้มาก

ทว่าสิ่งที่ทำให้ XRP แตกต่างนั้นก็คือการที่ทีมงามของ Ripple นั้นกำลังวิ่งหาลูกค้าด้านธนาคารและสถาบันการเงินอย่างหนักในตอนนี้ เพื่อที่จะทำการขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระดูกสันหลังของพวกเขาในการทำให้ธนาคารเหล่านั้นสามารถที่จะประมวลผลธุรกรมระหว่างประเทศได้ ไม่ว่าจะใช้สกุลเงินอะไรก็ตาม

นวัตกรรมดังกล่าวในด้านการเงินนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากว่าในปัจจุบันนั้นการโอนเงินระหว่างประเทศยังคงมีความล่าช้า และค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างแพงมาก เนื่องจากว่ามันผ่านตัวกลางหลายตัวกลาง

ดังนั้นเครือข่ายของ Ripple นั้นจึงถูกมองว่าสามารถที่จะเข้ามาทดแทนระบบการโอนเงินแห่งยุคเก่าอย่างเช่น SWIFT หรือผู้ที่ให้บริการด้านการโอนเงินระหว่างประเทศทั่วโลกในขณะนี้

การโอนเงินผ่าน SWIFT นั้นยังคงมีความล่าช้าอย่างมากในปัจจุบัน

ความได้เปรียบของ Ripple นั้นก็คือผลิตภัณฑ์ on-demand liquidity หรือ ODL ที่ก่อนหน้านี้ถูกเรียกว่า xRapid โดยเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นจะเป็นการนำเอาเหรียญ XRP เข้าไปใช้เพื่อเป็นสภาพคล่องในการโอนเงินหากันระหว่างประเทศ และก็จะมีเว็บเทรดคริปโตมาช่วยเป็นผู้ประมวลผลธุรกรรมให้ ดังนั้นการโอนเงินระหว่างประเทศที่วิ่งผ่านระบบดังกล่าวนั้นจะมีความรวดเร็วมากกว่า และมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก

ในตอนนี้ Ripple กำลังอยู่ในช่วงพยายามเข้าพูดคุยกับบริษัทสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาหันมาใช้ ODL นอกจากนี้ยังร่วมมือกับทางนักพัฒนา Ethereum เพื่อให้เหรียญทั้งสองนี้สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้อีกด้วย

สาเหตุหลัก ๆ ที่ Ripple นั้นต้องทำงานร่วมกับ ETH ก็เพราะว่าเหรียญ XRP นั้นไม่สามารถที่จะสร้าง smart contract ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการที่พวกเขาจะต้องใช้มันเพื่อขยายตลาดของพวกเขาให้เต็มเสถียรภาพนั่นเอง

การจับมือของ Ripple กับสถานะของวงการในตอนนี้

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จำนวนตัวเลขของสถาบันการเงินที่เข้ามาใช้เทคโนโลยี ODL นั้นเริ่มที่จะมีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีบริษัทอีกมากมายที่เข้ามาพูดคุยกับทาง Ripple ถึงเทคโนโลยีดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย อันที่จริงแล้วทาง Ripple เคยออกมายืนยันว่าพวกเขาได้อ้าแขนรับธนาคารและสถาบันการเงินกว่า 200 แห่งเพื่อให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย RippleNet แล้ว

โดยในลิสต์ดังกล่าวนั้นประกอบไปด้วยธนาคารชื่อดังอย่าง uro Exim Bank, Barclays, HSBC, Accenture, JNFX, FTCS, BFC Bahrain, ConnectPay, Ahli Bank of Kuwait, Transpaygo, GMT และ WorldCom Finance

ส่วน MoneyGram นั้นถือเป็นหนึ่งพาร์ทเนอร์กลุยุทธ์ล่าสุดที่เข้ามาใช้บริการ ODL ของ Ripple ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทาง MoneyGram ตั้งแต่พวกเขาเปิดบริษัทมาเลยก็ว่าได้

จากซ้ายไปขวา: CEO ของ MoneyGram นาย Alexander Holmes, CEO ของ Ripple นาย Brad Garlinglouse กำลังพูดถึงการร่วมมือกันของพวกเขาในงาน Swell 2019

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทด้านการเงินระดับโลก SBI Holdings จากญี่ปุ่นก็ยังมีการวางแผนเปิดตัวสกุลเงิน virtual currency ที่ทาง Ripple เคยเข้าไปร่วมมือเซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่ปี 2018 ส่วน SBI นั้นก็จะใช้เหรียญ XRP เพื่อเป็น digital value ในระบบเพื่อใช้ในการประมวลผลธุรกรรมระหว่างผู้ใช้งานในประเทศญี่ปุ่นและนอกญี่ปุ่นอีกด้วย

ยิ่งทาง Ripple ช่วยลดความล่าช้าในระบบการโอนเงินมากเท่าไร อัตราการปรับตัวใช้เหรียญ XRP เพื่อการโอนเงินระหว่างประเทศก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ทาง Ripple ยังได้ปิดดีลการร่วมมือกับ Bisto เพื่อขยายกิจการการโอนเงินระหว่างประเทศสหรัฐฯกับเม็กซิโกอีกด้วย

ยังมีธนาคารแห่งอเมริกาที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่าพวกเขากำลังร่วมมือกับทาง Ripple เพื่อทดสอบเทคโนโลยี distributed ledger ในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งนี่ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งของทาง Ripple เลยก็ว่าได้

การเติบโตของอุตสาหกรรม Ripple นั้นพิสูจน์ได้โดยดูจากความสนใจของสถาบันการเงินต่าง ๆ ต่อเทคโนโลยี ODL ของ Ripple ซึ่งนี่ถือเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน XRP ได้ในระยะยาว

ราคา XRP จะพุ่งหลัง Ripple ได้เข้า IPO หรือไม่

นาย Brad Garlinghouse หรือ CEO ของ Ripple ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ในงาน Davos 2020 ว่าเขาค่อนข้างที่จะมั่นใจ และยืนยันว่าบริษัท Ripple นั้นมีโอกาสที่จะสามารถเข้า IPO หรือตลาดหลักทรัพย์ได้ ดังนั้นสิ่งนี้จะส่งผลต่อ XRP อย่างไร?

นาย Marti Greenspan อดีตนักวิเคราะห์จาก eToro ออกมากล่าวว่าการออก IPO ของทาง Ripple นั้นจะช่วยทำให้จุดยืนของ XRP นั้นแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก

“ความรู้สึกของผมก็คือมันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างเป็นบวกมาก การที่ Ripple ได้รับการลงทุนในตลาดมหาชนนั้นหมายความว่าเรามีเหตุผลน้อยลงที่จะขายเหรียญ XRP ของเราทิ้ง” เขากล่าว

นาย Marti Greenspan กับกราฟวิเคราะห์ด้านคริปโตของเขา

นอกจากนี้นักลงทุนผู้สนับสนุน Ripple ตัวยงอย่าง Michael Arrington หรือผู้ก่อตั้งสื่อด้านเทคโนโลยี TechCrunch และผู้ก่อตั้งบริษัทบริหารกองทุน Arrington XRP Capital ได้ออกมากล่าวบอกผู้ติดตามเขาว่าการออก IPO นั้นจะถือเป็นผลดีต่อระบบการจ่ายเงินแบบ real-time

“มันดูดี และมันก็เจ๋งมาก ๆ เมื่อไรก็ตามที่มันเกิดขึ้น” เขากล่าวบนทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมาหลังจากที่นาย Garlinghouse ออกมาประกาศเรื่อง IPO

นาย Robert Art นักวิเคราะห์ราคาคริปโตชื่อดังก็เคยออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับ XRP โดยกล่าวว่า

“XRP นั้นจะมีผลตอบแทนด้านกำไรที่ดีกว่า Bitcoin ทำไมน่ะเหรอ เพราะว่า Bitcoin นั้นมีจำนวนเงินทุนที่ถูกลงไปมากกว่า 16 เท่า การเคลื่อนย้ายเม็ดเงิน 8 พันล้านไปถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์นั้นง่ายกว่าการเคลื่อนย้ายเม็ดเงิน 1.4 แสนล้าน – 1.4 ล้านล้านดอลลาร์แน่นอน”

เหรียญ XRP นั้นมักจะถูกมองว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไว้อย่างถูกกฎหมาย และกำลังถูกเพ่งเล็งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งในขณะนี้ทาง Ripple นั้นก็กำลังขึ้นศาลเพื่อปกป้องเหรียญของพวกเขาและชี้แจงว่า XRP นั้นไม่ได้เป็นหลักทรัพย์ แต่ก็ยังไม่มีคำตัดสินออกมาแต่อย่างใด

เมื่อการเข้า IPO ของ Ripple กำลังเข้ามาเรื่อย ๆ บวกกับการที่หากทางศาลสหรัฐฯตัดสินว่า XRP นั้นไม่ใช่หลักทรัพย์แล้วล่ะก็ นั่นอาจทำให้ราคาของ XRP พุ่งสูงขึ้นไปอีกก็เป็นได้

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมาตลาดราคาเหรียญ XRP นั้นดูเหมือนว่าจะไม่สู้ดีนัก โดยราคาได้ร่วงลงมาถึง 47% ในตลอดทั้งปี ก่อนที่จะลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 0.20 ดอลลาร์ นอกจากนี้สถานการณ์นั้นก็เริ่มที่จะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อนักลงทุนในชุมชนคริปโตนั้นได้ออกมาชี้ถึงสาเหตุที่ราคา XRP ร่วงว่าเป็นเพราะการเทขายเหรียญดังกล่าวของทาง Ripple จนทำให้ทางชุมชนถึงกับออกมาขู่ว่าจะทำการ hard fork แยกเหรียญ XRP ออกมา

นาย Alex ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Agora Desk และ Local Monero ได้ออกมาแสดงถึงความสงสัยถึงประเด็นดังกล่าว ว่าการที่ Ripple ถือเหรียญ XRP ถึง 60% แต่หากพวกเขามีความไม่โปร่งใสในการขายเหรียญดังกล่าวจริง พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้า IPO ได้อย่างราบรื่น เนื่องจากว่าทาง Ripple จำเป็นที่จะต้องเปิดเผย balance sheet ของพวกเขา นั่นหมายความว่านักลงทุนทั้งหมดก็จะรู้ว่าทาง Ripple ขาย XRP เป็นจำนวนที่แท้จริงไปเท่าไรบ้าง

หากคุณลองดูที่การเติบโตของเทรนด์ในด้านความมั่นใจของนักลงทุนก่อนการ IPO ของ Ripple นั้นจะพบว่ามันเริ่มที่จะเติบโตขึ้นมาก โดยราคานั้นเริ่มที่จะขยับไปหา 0.2220 ดอลลาร์แล้วตามที่เห็นในกราฟด้านล่าง

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของเหรียญ XRP นั้นอยู่ที่ 0.201272 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าหากราคาสามารถยืนอยู่เหนือจุดดังกล่าวได้นั้น มันอาจจะเป็นขาขึ้นอีกก็ได้ แต่นักลงทุนก็ไม่ควรที่จะปักใจเชื่อการวิเคราะห์ดังกล่าว และควรศึกษาด้วยตัวเองก่อนการเทรด

บทสรุป

หากจะให้สรุปนั้น เราอาจจะกล่าวได้ว่า XRP นั้นมีศักยภาพในระบบที่ค่อนข้างสูงมาก โดยการมาของ IPO ที่จะถึง ผนวกกับการจับมือกับหุ้นส่วนต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมนั้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อ Ripple ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งการมีเหรียญ XRP ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศนั้นหมายถึงการก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ ๆ ของวงการคริปโตเลยก็ว่าได้

เราได้เห็นมาในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าทาง Ripple นั้นกำลังพยายามแก้ปัญหาอุตสาหกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศในปัจจุบัน โดยเฉพาะทางด้านการโอนเงินแบบ real-time ที่จะมาแทนที่ระบบการโอนเงินระหว่างประเทศอันโบราณและล่าช้าในปัจจุบันนี้

ทีมนักวิเคราะห์จากบริษัท Bitpremier ได้ออกมาสรุปว่ามันมีโอกาสสูงมากที่ราคาของ XRP นั้นอาจจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงได้ในอนาคตหากทาง Ripple สามารถที่จะเอาตัวรอดจากการกล่าวหาของรัฐบาลสหรัฐฯได้

กราฟด้านล่างนั้นเผยให้เห็นถึงราคาของ XRP ที่คาดการณ์ว่าจะพุ่งทะลุ 0.5 ดอลลาร์ได้ในปลายปี 2020 นี้ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่ามันอาจพุ่งแตะ 1.23 ดอลลาร์ได้ในปี 2025 อีกด้วย

นักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่าเมื่อทาง ก.ล.ต. สหรัฐฯตัดสินว่า XRP นั้นเป็นสินทรัพย์ ราคาของมันอาจจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกได้ในอนาคต แต่เราก็ต้องรอดูกันต่อไป

ที่มา: Coinspeaker