<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักเทรดรายหนึ่งเบิร์นเหรียญ BNB มูลค่า 6 แสนกว่าบาทโดยไม่ได้ตั้งใจ CEO Binance ตัดสินใจเข้าไปช่วย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมานาย Changpeng Zhao (CZ) หรือ CEO ของ Binance เว็บกระดานซื้อขาย bitcoin ชื่อดังได้ออกมาโพสต์ถามคำถามบนทวิตเตอร์ของเขาและเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักเตะรายหนึ่งที่สูญเงินไปประมาณ 20,000 ดอลลาร์หรือ 600,000 กว่าบาทภายในพริบตาเดียว

โดยเขาได้เล่าถึงเรื่องราวของผู้เทรดเหรียญคริปโตคนหนึ่งที่ไม่เผยนามและได้ทำการส่งเหรียญ 800 BNB หรือประมาณ 600,000 บาทไปผิด address โดยการทำธุรกรรมดังกล่าวนั้นถูกทำขึ้นบน Binance Smart Chain ดังนั้นผู้ใช้งานดังกล่าวจึงได้เรียกร้องให้ทาง Binance เข้ามาช่วยเหลือ

ก่อนหน้านี้นาย CZ ได้ออกมาพิจารณาว่าจะทำการช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวหรือไม่ และคำถามของเขาก็ได้ปลุกฟื้นคืนข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเป็น decentralized ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ว่าอะไรคือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดระหว่างความปลอดภัยของผู้ใช้งานหรือกฎเกณฑ์?

กฎก็คือกฎ

โดยส่วนหนึ่งของชุมชนคริปโตได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดในการเข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายดังกล่าว โดยพวกเขากล่าวว่าหากทาง Binance ยื่นมือเข้าไปแทรกแซงนั้นก็จะทำให้โครงการของพวกเขาหมดความน่าเชื่อถือและความเป็น decentralized

พวกเขามีความเชื่อว่ากฎเกณฑ์ยังไงก็ต้องเป็นกฎเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเครือข่ายนั้นจะยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์และไม่ได้รับการปนเปื้อนจากการเข้าไปยุ่งหรือแทรกแซงจ๊ะบุคคลหรือฝ่ายใดก็ตามไม่เว้นแม้แต่เจ้าของ 

นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มคนอีกหลายคนที่ออกมากล่าวกับนาย CZ หากเขาเข้าไปช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวก็จะทำให้ทาง Binance จะต้องถึงคราวตกอับ เนื่องจากว่าในอนาคตจะมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมหาศาลที่เรียกร้องให้ทางไฟแนนซ์ช่วยย้อนธุรกรรมกลับคืนมาและนี่ก็จะไม่ใช่เพียงแค่ครั้งแรก

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าแนวคิดที่ว่ากฎก็คือกดนั้นบ่งบอกว่าทุกๆคนควรที่จะเป็นธนาคารของตัวเองและควรที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวไม่ว่าพวกเขาจะทำผิดพลาดไปอย่างไรก็ตาม

ยังมีอีกด้านหนึ่ง

อย่างไรก็ตามทุกๆวงการนั้นมักจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความคิดที่แตกต่างกันเสมอและก็ยังมีผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางไฟแนนซ์แสดงความเห็นใจตัวอย่างดังกล่าวโดยชี้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Cryptocurrency ควรที่จะไปให้ไกลถึงระดับโลกในแง่ของการปรับตัวใช้งานและผู้คนก็ควรที่จะได้รับการปกป้องเหมือนกับในกรณีดังกล่าวนี้

ปัญหาของความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ที่ทำให้พวกเราทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งนั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นผู้สร้างระบบจึงควรที่จะมีระบบความปลอดภัยที่จะช่วยรองรับกลุ่มคนเหล่านี้ แต่อย่างไรก็ตามทางชุมชนก็เน้นย้ำว่าการสร้างระบบป้องกันความปลอดภัยนั้นควรที่จะมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

นอกจากนี้ยังมีผู้คนบางรายที่เรียกร้องให้มีการพัฒนาฟังก์ชั่นบน smart contract ที่จะมีการป้องกันข้อผิดพลาดเมื่อมีผู้คนโอนเหรียญไปผิด address อีกด้วย

เมื่อมาถึงจนถึงจุดนี้แล้ว หลายๆคนอาจจะมองว่า Binance คงจะยึดมั่นในกฎกติกาและจะไม่เข้าไปช่วยเหลือใช้ผู้โชคร้ายดังกล่าวแต่ดูเหมือนว่าคุณจะคิดผิด

โดยภายหลังนั้นนาย cz ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปช่วยเหลือใช้ผู้โชคร้ายดังกล่าวตามรูปด้านล่างนี้

แม้จะมีผู้คนที่ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากถึงการตัดสินใจของเขาแต่นาย CZ ก็ได้ออกมากล่าวในภายหลังว่าพวกเขาจะทำการติดตั้งฟีเจอร์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้คนส่งเหรียญไปผิด address ติดต่อไปในอนาคตนอกจากนี้พวกเขาจะทำการส่งเหรียญ BNB กลับไปให้ผู้คนที่สูญเสียเหรียญของพวกเขาจากการส่งไปผิด address ในช่วงเปลี่ยนมาใช้ mainnet อีกด้วย

เมื่อวานนี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าทาง Tether นั้นได้ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือผู้โชคร้ายที่ทำการส่งเหรียญ usdt ไปผิด address โดยทำการคืนเงินให้เขาเป็นประมาณ 1 ล้าน usdt หรือประมาณ 30 ล้านบาท 

เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวงการคริปโตและบล็อกเชนนั้นเริ่มที่จะมีการจูนปรับเข้าหาผู้ใช้งานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งถือเป็นข้อดีที่จะทำให้มีผู้คนแห่เข้ามาใช้งานมันมากขึ้นเนื่องจากมีระบบความปลอดภัยในการป้องกันปัญหา user error ที่ถือเป็นกำแพงกันไม่ให้ผู้คนเข้ามาใช้เหรียญดังกล่าวเพราะกลัวความผิดพลาดนั้นเอง