ราคาของเหรียญคริปโตอันดับหนึ่งของโลก Bitcoin ได้พุ่งขึ้นละทุ 8,000 ดอลลาร์เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 8,100 ดอลลาร์ โดยเป็นการสลัดคำวิพากษ์วิจารณ์จากนายธนาคารบางแห่งที่บอกว่ามันเป็นฟองสบู่แล้ว
โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของ Bitcoin ร่วงลงมาอยู่ระดับต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์ที่ 7996.77 ดอลลาร์ อ้างอิงจากเว็บ Coinmarketcap และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 133 พันล้านดอลลาร์
พักตัวแค่ไม่นาน
หลังจากที่ลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบเดือนที่ระดับ 5,600 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกานยนที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ใช้เวลาพักตัวแค่ไม่นาน ก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ระดับสูงกว่า 8,000 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าภายใน 8 วันที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเกือบ 3,000 ดอลลาร์
สาเหตุการร่วงของราคาเมื่อแปดวันที่แล้วหลายๆฝ่ายคาดว่าเกิดขึ้นจากการประกาศยกเลิก SegWit2x หรือตัวอัพเกรดการ scaling ของ Bitcoin ที่สร้างข้อขัดแย้งในกลุ่มมาเป็นเวลานาน ซึ่งภายหลังจากนั้นได้ส่งให้ราคาของเหรียญโคลนนิ่งคู่ปรับของ Bitcoin อย่าง Bitcoin Cash พุ่งไปสู่จุดสูงสุดที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ในอีกไม่กี่วันถัดไป
แล้วฟองสบู่ล่ะ?
ในขณะที่นายธนาคารหลายๆคนพยายามออกมาสร้างความเชื่อให้ตัวเองว่า ‘Bitcoin นั้นคือฟองสบู่แล้ว’ ทั้งๆที่กราฟของมันเป็นลักษณะชี้ขึ้นฟ้า แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ผู้ใช้งาน Bitcoin ส่วนใหญ่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เนื่องจากหลายๆคนเกิดความชินแล้ว
ก่อนหน้านี้นาย Tidjane Thiam หรือ CEO ของ Credit Suisse ได้ออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นถูกเก็งกำไรกันอย่างมาก จนมันกลายเป็น “นิยาม” ของคำว่าฟองสบู่ไปเสียแล้ว
อีกทั้งยังมีนาย Severin Cabannes หรือ CEO จากธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติฝรั่งเศส Societe Generale ก็ได้มาเข้าร่วมผสมโรงเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้เขากล่าวว่า
“Bitcoin ในวันนี้ ในมุมมองของผมนั้นเป็นฟองสบู่แบบเห็นๆ คือดูออกง่ายมากๆเลย แต่ทางเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นต้นเหตุที่ผลักดันมูลค่าของมันมาได้ขนาดนี้”
แต่ไม่ว่าจะเป็นฟองสบู่หรือไม่นั้น ไม่มีใครรู้อนาคตได้ แต่ตลาดจะเป็นผู้ตัดสินเอง ซึ่งดูเหมือนว่าในขณะนี้การพยายามเฝ้ารอให้มันเกิดขึ้นอย่างไร้จุดหมายปลายทางอาจจะไม่ถือเป้าหมายหลักๆของนักเก็งกำไรหลายๆคน
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น