<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

เจ้าชายซาอุที่เคยกล่าวโจมตี Bitcoin ถูกจับกุมแล้ว เหตุการณ์นี้จะช่วยผลักราคาให้สูงขึ้น?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สถานการณ์ความไม่แน่นอนด้านการเมืองในตะวันออกกลางเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นสูงสุด โดยเฉพาะในประเทศซาอุดิ อาราเบียที่มีการจับกุมเจ้าชายอาหรับที่รวยที่สุดในโลก หรือเจ้าชาย Alwaleed bin Talal ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นจะ ‘ระเบิดจากภายใน’ เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อเหรียญดิจิตอลดังกล่าวในตะวันออกกลางหรือไม่

การจับกุมของเจ้าชาย

ประเทศซาอุดิ อาราเบียได้เริ่มการกวาดล้างการคอรัปชันภายในปะเทศแล้ว ในวันนี้ พระราชา Salman ได้สั่งให้มีการจับกุมเจ้าชายหลายองค์ และได้ปลดนักการเมืองออกจากหลายๆตำแหน่ง ซึ่งหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกจับกุมมีเจ้าชาย Alwaleed bin Talal หรือชาวอาหรับที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วย

ก่อนหน้านี้เจ้าชาย Alwaleed bin Talal เคยออกมาอยู่ในข่าวและเป็นกระแสในวงการ cryptocurrency อยู่พักหนึ่ง เมื่อเขาออกมากล่าวว่า Bitcoin จะต้องพบจุดจบเหมือนกับบริษัท Enron ในขณะที่สาเหตุของการจับกุมนั้นเกิดจากการคอรัปชั่นของเจ้าชาย แต่นักวิเคราะห์หลายๆคนเชื่อว่าพระราชา Salman อาจจะทำไปเพื่อกำจัดเจ้าชายออกไปเพื่อเปิดทางให้ลูกชายของเขา Mohammed bin Salman ขึ้นนั่งเป็นพระราชาในอนาคต

กาตาร์กำลังมีปัญหา

เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2017 ประเทศเพื่อนบ้านของกาตาร์อย่างซาอุดิ อาราเบีย, อียิปต์, บาเรน และ UAE ได้มีนโยบายคว่ำบาตรกาตาร์ โดยกล่าวหาพวกเขาว่าให้ที่พักแก่ทหารอิสลามและช่วยปิดบังพวกเขา รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอิหร่าน ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูของซาอุดิ อาราเบีย

ประเทศกาตาร์นั้นถือเป็นประเทศเล็กๆในตะวันออกกลางที่มีก๊าซธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก โดยอ้างอิงจากธนาคารโลกนั้น ประเทศดังกล่าวเป็นประเทศที่มีอัตรา GDP สูงที่สุดคิดจากอำนาจในการซื้อ ($127.5K ในปี 2016) นอกจากนี้กาตาร์จะเป็นเจ้าบ้านในการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล Fifa World Cup ปี 2022 ด้วย

หลายๆคนเชื่อว่าสาเหตุหลักๆที่ประเทศเพื่อนบ้านของกาตาร์คว่ำบาตรพวกเขานั้นเป็นเพราว่าทางกาตาร์ให้การสนับสนุนสำนักข่าว Al Jazeera ที่มีการบิดเบือนข่าวสารในตะวันออกกลางมากมาย นั่นจึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้กลุ่มสมาชิกประเทศตะวันออกกลางไม่พอใจ

ประเทศบาเรนกำลังประสบวิกฤต

ประเทศบาเรนถือเป็นประเทศเศรษฐกิจน้ำมันขนาดเล็กในตะวันออกกลางที่มีค่า GDP คิดเป็นแค่ 5% ของซาอุดิ อาราเบียทั้งหมด รายได้หลักของประเทศบาเรนอาจกล่าวได้ว่าหลักๆอยู่ได้กับน้ำมันอย่างเดียว ทว่าปัญหาราคาน้ำมันล่าสุดส่งผลให้เศรษฐกิจของพวกเขาต้องสั่นคลอน

ธนาคารกลางแห่งประเทศบาเรนได้ตรึงสกุลเงินของประเทศไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ (0.376 บาเรนดินาร์ = 1 ดอลลาร์) แต่ก็ต้องประสบปัญหาอีกครั้งกับการลดลงของเงินตราต่างประเทศสำรอง โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว Bloomberg นั้น ประเทศบาเรนได้ขอให้ซาอุดิ อาราเบียช่วยเยียวยาวิกฤตการเงินของพวกเขา การอ่อนค่าของสกุลเงินบาเรนอาจจะสร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ในตะวันออกกลาง เมื่อสกุลเงินอื่นๆนั้นก็ถูกตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯด้วย

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

ราคา Bitcoin มักจะพุ่งเมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว

ไม่ว่าจะเป็นการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาล, ปัญหาด้านการเมือง หรือการคลังก็แล้วแต่ มักจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนจนทำให้พวกเขาต้องเอาตัวรอดด้วยการหาที่พึ่งในการรักษาทรัพย์สินของพวกเขาไว้ ทองคำก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกใช้มานาน ทว่าไม่นานมานี้ Bitcoin ก็ถูกจับมาเป็นสกุลเงิน safe haven ไว้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากว่าความเป็น decentralized ของมัน

ตะวันออกกลางนั้นถือว่ามีอทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมาก เนื่องมาจากปริมาณน้ำมันที่พวกเขาส่งออก รวมถึงจำนวนก๊าซธรรมชาติและความมั่งคั่งของประชาชนในประเทศอีกด้วย ซึ่งความไม่แน่นอนของสถานะของเจ้าชายในอาหรับที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจในประเทศอาจถือเป็นชนวนที่ทำให้ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดอีกก็เป็นได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น