<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

คริปโตบาท? แบงค์ชาติเผยแผนทดสอบเหรียญคริปโตของตัวเองภายใต้โปรเจค ‘อินทนนท์’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในการรายงานข่าวที่ต้องทำให้หลาย ๆ คนต้องตกใจจากธนาคารแห่งประเทศไทยในชั่วโมงนี้ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นแนวคิดการสร้างเหรียญ cryptocurrency เป็นของตัวเองภายใต้ความร่วมมือของธนาคารในประเทศอีก 5 แห่งด้วยกันโดยตั้งชื่อให้เหมือนกับยอดดอยที่สูงที่สุดของไทยอีกด้วย

โดยอ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจนั้น การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในงาน Bangkok Fintech Fair 2018 ที่จัดต่อเนื่องมาจากเมื่อวาน และยังคงมีสิ่งที่ทำให้ประชาชนต้อง ‘เซอไพรส์’ ออกมาได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประกาศการริเริ่ม Thailand Blockchain Community Initiative เมื่อวานนี้ โดยแผนการการทดสอบเหรียญคริปโตบาทนามว่า ‘อินทนนท์’ นั้นได้ถูกเผยออกมาจากผู้ออกกฎหมายด้านการเงินอย่างแบงค์ชาติแล้ว ภายใต้ความร่วมมือของธนาคารอีก 5 ธนาคาร (รายงานไม่ได้เผยว่ามีธนาคารอะไรบ้าง)

โครงการอินทนนท์มีขึ้นเพื่อศึกษาเทคโนโลยี Blockchain ในแง่ของการสร้างเหรียญ cryptocurrency ขึ้นมาใช้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยลดต้นทุนในด้านการเงินอย่างเช่นผู้ตรวจสอบที่เป็นตัวกลาง และรวมถึงการดูแลรักษาเงินสดอีกด้วย ซึ่งเหรียญคริปโตบาทนี้จะนำมาใช้เพื่อการ settle ธุรกรรมระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ในประเทศ

ซึ่งก็แน่นอน เหรียญดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยี Blockchain มาช่วยเก็บข้อมูลธุรกรรมเหมือน ๆ กับ Bitcoin และสกุลอื่น ๆ อย่าง Litecoin และ Ethereum ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมานานเกือบ 10 ปีแล้ว แต่กระนั้น รายงานก็ไม่ได้เผยว่าเหรียญดังกล่าวจะใช้ algorithm อะไร จะสามารถขุดได้ไหม จะรันอยู่บน Blokchain สาธารณะหรือส่วนตัว และสามารถนำไปเทรดหรือซื้อขายบนกระดานเทรดเหรียญคริปโตทั่วไปได้หรือไม่

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ทางแบงค์ชาติคอนเฟิร์มว่าสกุลเงินดังกล่าวจะไม่นำมาใช้กับประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน ซึ่งจะแตกต่างจาก Petro ของเวเนซุเอลาที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้าประเทศ และป้องกันการคว่ำบาตรจากเวทีโลก

ก่อนหน้านี้รัฐบาลประเทศจีนก็มีแผนการในการสร้างเหรียญคริปโตเป็นของตัวเองนามว่า RMBCoin โดยมีจุดประสงค์ที่ใกล้เคียงกัน และรวมถึงประเทศรัสเซียก็วางแผนทำ Cryptoruble อีกด้วย

ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าหลังจากที่ทางแบงค์ชาติเริ่มจรังจังและหันมาศึกษากับเทคโนโลยีดังกล่าวแล้วนั้น ทิศทางการพัฒนาด้าน Blockchain ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะเคยออกมาขอร้องให้ธนาคารพาณิชย์ในไทยหยุดให้บริการทำธุรกรมที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency นี้ก็ตาม

ภาพจาก Shutterstock

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น