ตอนนี้เมืองไทยได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับ Cryptocurrency แล้วหลังจากที่มีข่าวเรื่องการพิจารณาร่างพรก. กันอย่างมากมาย ล่าสุดวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็ได้มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการหักภาษี 15% จากกำไรที่ได้จากการลงทุนในคริปโต โดยจะบังคับใช้ในวันที่ 14 พฤษภาคมในทันที โดยการออกพรก. นั้นก็เพื่อเป็นการควบคุม Cryptocurrency ในเมืองไทยให้มีระเบียบ ข้อบังคับ และสร้างความน่าเชื่อถือใน Cryptocurrency ให้มากยิ่งขึ้น
โดยทางสยามบล็อกเชนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับ 5 สิ่งที่อาจจะตามมาถ้า Bitcoin ในเมืองไทยถูกกฏหมายแล้วเมืองกลางปี 2017
เว็บเทรดคริปโตในไทย
ก่อนหน้าที่พรก. การประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัล ออกมานั้นเว็บเทรดคริปโตในไทยได้เกิดขึ้นอย่างมากมาย เพราะพวกเขาเล็งเห็นว่าตลาดเว็บเทรดจะสามารถทำรายได้ให้กับพวกเขาได้มาก
แต่เมื่อมีกฏหมายออกมาแล้ว ผู้ให้บริการเว็บเทรดจำเป็นต้องเป็นนิติบุคคล, บริษัทจำกัด, บริษัทจำกัดมหาชน อาจทำให้โอกาสที่เว็บเทรดจะเปิดตัวในไทยนั้นน้อยลง เพราะความยุ่งยากเกี่ยวกับเรื่องกฏหมาย
แต่ถ้าพวกเขาอยากที่จะเข้ามาอยู่ในวงการนี้ พวกเขาก็ต้องมีการปรับตัวอย่างแน่นอน และในอนาคตเราอาจจะมีระบบคำนวณและจ่ายภาษีให้เสร็จสรรพในเว็บไซต์เลย จนกลายเป็นมาตรฐานที่ทุก ๆ คนเคยชินก็เป็นได้
ราคา Cryptocurrency
ก่อนที่ Cryptocurrency ในเมืองไทยจะถูกกฏหมายนั้นราคา Cryptocurrency ในไทยก็มีราคาตามตลาดโลก ไม่ว่าจะมีข่าวร้ายหรือดีก็ตาม
แต่เมื่อเมืองไทยมีกฏหมายด้าน Cryptocurrency แล้วนั้นชาวต่างชาติอาจจะมองประเทศเราว่ามีศักยภาพพอที่จะเข้ามาลงทุนเพราะมีกฏหมายมารองรับ ถ้าในอนาคตทางรัฐบาลออกกฏหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อ Cryptocurrency เม็ดเงินก็จะเข้ามาในวงการคริปโตในไทยมากขึ้น และ ราคา Cryptocurrency ในเมืองไทยจะมีราคาที่มากขึ้นด้วย
ร้านค้ารับสกุลดิจิทัลเพราะถูกกฏหมาย
ในประเทศที่ถูกกฏหมายแล้วเช่นญี่ปุ่น ร้านค้าในประเทศมีการเปิดการรับสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin ซึ่งเป็นทางเลือกในการชำระเงินที่มากขึ้น
ก่อนหน้าที่ Cryptocurrency ในประเทศไทยจะถูกกฏหมาย ร้านค้าใหญ่ ๆ เช่น 7-11 จะมีการรับชำระค่าบริการช่องทาง E-payment ต่าง ๆ เท่านั้น และมีเพียงร้านอาหารในไทยไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ รับ Bitcoin เป็นช่องทางการชำระเงิน แต่เมื่อ Cryptocurrency ถูกกฏหมายแล้วนั้น ในอนาคตเราอาจจะเห็นร้านค้าข้างทางเช่น ขายหมูปิ้ง ไก่ทอดรับการชำระด้วย Cryptocurrency ด้วยก็ได้
ป้องกันภัยคุกคามทางการเงิน
เมื่อก่อนทุกคนสามารถเข้ามาเล่นคริปโตได้อย่างอิสระ ไม่มีกฏเข้ามาคอยจัดระเบียบการสมัครเว็บเทรดคริปโตเพื่อเข้ามาลงทุน ใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาเทรด
แต่เมื่อมีกฏหมายเข้ามาดูแลในเรื่อง Cryptocurrency แล้วจะเป็นการเพิ่มการป้องกันภัยคุกคามทางการเงินไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ KYC (Know-Your-Customer) หรือในอนาคตอาจมีการตรวจสอบที่รัดกุมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สรุป
แล้วตอนนี้พวกเราอยู่ในจุดไหนกัน?
จากกราฟเราจะเห็นได้ว่า เราอยู่พื้นที่สีน้ำเงิน หรือในช่วงที่ต้องมีการปรับตัวกับเทคโนโลยีและกฏหมายที่เพิ่งเข้ามาบังคับใช้กับพวกเราทุกคน ในอนาคตเราจะอยู่ในช่วงของ Early Majority หรือช่วงที่พวกเราสามารถใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีการใช้งานที่แพร่หลายมากขึ้น
ในเมื่อ Cryptocurrency ถูกกฏหมายในประเทศไทยแล้ว เป็นเรื่องดีที่นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพราะมีกฏหมายมารองรับ และในอนาคต Cryptocurrency อาจจะถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายและอาจเป็นสกุลเงินที่คนไทยอาจใช้งานเป็นสกุลหลักเลยก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น