<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคาเหรียญ Stacks (STX) พุ่งกว่า 195% หลังนักพัฒนาเผยแผนที่จะเปิดตัว DeFi บนเครือข่าย Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบัน Ethereum ( ETH ) นั้นเป็นผู้นำในด้านการทำสัญญา Smart contract เมื่อประเมินจากโปรเจกต์ที่ถูกรันอยู่บนเครือข่าย แต่แรงผลักดันในการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนเครือข่าย Bitcoin (BTC) ก็กำลังได้รับแรงฉุดมากขึ้นเช่นกัน จากผู้สนับสนุนในวงการอย่างนาย Jack Dorsey CEO ของ Square ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในความพยายามที่จะนำเอา DeFi มาสู่เครือข่าย Bitcoin 

โปรเจกต์หนึ่งที่มีจุดมุ่งหมายในการรวมเอาฟีเจอร์อันโดดเด่นของ DeFi มารวมเข้ากับเครือข่ายความปลอดภัยของ Bitcoin ก็คือ Stacks (STX) ซึ่งเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนแบบเลเยอร์เดียวที่ออกแบบมาเพื่อนำสัญญา Smart contract และแอปพลิเคชันกระจายอำนาจ (dApps) มาสู่เครือข่าย Bitcoin

ข้อมูลจาก TradingView เผยให้เห็นว่านับตั้งแต่ลดลงแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ $0.50 ในวันที่ 22 มิถุนายน ราคา STX ก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 195% ไปอยู่ที่ $1.47 ในวันที่ 11 กรกฎาคม และตอนนี้ Bitcoin ได้เริ่มแสดงโมเมนตัมที่ดูเหมือนจะกลับตัวเป็นช่วงขาขึ้นแล้ว ดังนั้นราคา STX จึงขยับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10% ในวันที่ 22 กรกฎาคม 

3 สาเหตุที่ทำให้ราคา STX ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเร็ว ๆ นี้ อาจเป็นเพราะการเปิดตัวภาษาโปรแกรม Clarity ซึ่งนำเป็นการนำเอาสัญญา Smartcontract มาสู่ Stacks 2.0 และเครือข่าย Bitcoin ด้วยความสามารถนี้ผู้ถือ STX ทุกคนจะสามารถทำการ Stake โทเค็นเพื่อรับผลตอบแทนเป็น BTC, ทำ yield farming และซื้อขายแลกเปลี่ยนโทเค็น NFT บนเครือข่าย Bitcoin ได้

สัญญา Smartcontract มาถึงเครือข่าย Bitcoin แล้ว

การนำเสนอภาษาโปรแกรม Clarity บน Stacks จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้กับระบบนิเวศของ Stacks เพราะมันจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญา Smartcontract บนเครือข่าย Bitcoin ได้

Clarity ถูกเคลมเป็น “ภาษาโปรแกรมที่ตัดสินใจได้” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “คุณสามารถรู้ได้จากโค้ดได้ว่าโปรแกรมต้องการจะทำอะไร”

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Clarity และภาษาสัญญา Smartcontract อื่น ๆ ก็คือภาษานั้นถูกตีความและรันบนบล็อกเชนเดิมที่เป็นอยู่ แทนที่จะเป็นการคอมไพล์ ซึ่ง “รับรองว่าโค้ดที่ดำเนินการนั้น มนุษย์สามารถอ่านและตรวจสอบได้”

การทำงานร่วมกันระหว่างสองเครือข่ายยอดนิยม ทั้ง DeFi และ NFTs มีวิธีดำเนินการที่ค่อนข้างง่ายและถูกบันทึกไว้ในเครือข่าย Bitcoin โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องเวลาในการทำธุรกรรมที่ล่าช้าและต้นทุนค่าธรรมเนียมที่มีราคาแพง

ผู้ถือ STX สามารถรับ BTC โดยการ Stake

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Stack ได้เปิดตัว STX Staking ที่ช่วยให้ผู้ถือเหรียญสามารถได้รับผลตอบแทนเป็น BTC บนแพลตฟอร์ม

เครือข่าย Stacks จะใช้โปรโตคอลการขุดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า proof-of-transfer (PoX) ซึ่งทำงานควบคู่ไปกับ Bitcoin และใช้เครือข่าย BTC เป็นตัวกลาง 

ในขณะที่เครือข่าย proof-of-stake ส่วนใหญ่เสนอการให้ผลตอบแทนเหรียญประจำแพลตฟอร์มหรือโทเค็นกำกับดูแล ชุมชน Stacks จะสามารถ Stake STX ของพวกเขาเพื่อรับผลตอบแทนเป็น BTC ได้ในอัตราเฉลี่ยสูงถึง 10%

DeFi และ NFT กำลังถูกย้ายมาบนเครือข่าย Bitcoin

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม STX ได้มีการสร้างและขาย Bitcoin NFT เป็นครั้งแรกบน Stacks blockchain

โครงการนี้มีขึ้นเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของสัญญา Smartcontract บนเครือข่าย Bitcoin นอกจากนี้ข่าวเชิงบวกได้เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า USD Coin (USDC) กำลังเตรียมจะขยายเครือข่ายของพวกเขามายัง Stacks  ซึ่งสิ่งนี้ได้กระตุ้นให้กูรู Bitcoin บางคนถึงกับต้องออกมาประกาศประสบความสำเร็จดัง ๆ ว่า “ยุคใหม่ของ Bitcoin กำลังมาถึงแล้ว”

การมาของ NFT และ DeFi ยังได้นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ จากการใช้ประโยชน์ในภาคส่วนเหล่านี้เพื่อรับผลตอบแทนเป็น BTC และมีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วม 

จากการพัฒนาทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ STX ได้รับแรงขับเคลื่อนเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกรกฎาคม โดยเห็นได้จากราคาและวอลุ่มการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา