<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ค่าธรรมเนียมธุรกรรม Ethereum จะลดเหลือ $0.01 หลังการเปิดตัวการอัปเกรด Dencun ในวันที่ 13 มี.ค

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตามข้อมูลจาก Foresight News นักพัฒนาหลักของ Ethereum (eric.eth) ประกาศว่า ข้อเสนอ EIP-4844 จะเปิดใช้งานจริงในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม Ethereum เหลือ 0.01 ดอลลาร์

ก่อนหน้ามีรายงานว่า Ethereum Foundation ได้ประกาศแผนเกี่ยวกับการอัปเกรด Dencun ซึ่งการอัปเกรด Dencun ของ Ethereum มีกำหนดการเปิดใช้งานบน mainnet ในวันที่ 13 มีนาคม 2567 ตรงกับเวลา 19:55 น.ในประเทศไทย โดยบล็อกมีความสูงอยู่ที่ 269568 

การอัปเกรดนี้จะนำเสนอ “บล็อกข้อมูลชั่วคราว” (temporary data blob) ด้วยมาตรฐาน EIP-4844 หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “protodanksharding” ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมบน Layer 2

การอัปเกรด Dencun ของ Ethereum จะลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมให้ใกล้เคียงกับศูนย์

การอัปเกรด Dencun นับเป็นการเริ่มต้นของโรลอัพ (rollup)- centric roadmap ของ Ethereum ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับการเติบโตของระบบนิเวศแพลตฟอร์ม Layer 2 (L2)

ตามรายงานการวิจัยจาก Fidelity Digital Assets ระบุว่า การอัปเกรด Dencun ของ Ethereum ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 13 มีนาคม จะนำเสนอโอกาสสำหรับผู้ใช้งานโซลูชัน Layer 2 (L2) ในการเสียค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ใกล้เคียงกับศูนย์  ซึ่งอาจดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ ๆ เข้ามาสู่ระบบนิเวศของ Ethereum ได้มากขึ้น

การอัปเกรด Dencun ที่กำลังจะมาถึงนี้ ถือเป็นก้าวแรกบนเส้นทางของ Ethereum ที่มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Rollup  ซึ่งการอัปเกรด Dencun นี้จะช่วยให้เครือข่าย Ethereum ทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลที่แข็งแกร่ง (resilient database) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับบล็อกเชน Layer 2

การอัปเกรด Dencun จะลดต้นทุนสำหรับบล็อกเชน L2

นักวิเคราะห์ Max Wadington ระบุว่า การอัปเกรด Dencun จะช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ใช้งานบนบล็อกเชน layer 2 ได้หลายล้านคน ซึ่งจะทำให้ Ethereum เป็นฐานข้อมูลแบบกระจาย (distributed database) ที่เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับบล็อกเชนอื่น ๆ การปรับปรุงเหล่านี้คาดว่าจะดึงดูดผู้ใช้เข้าสู่ระบบนิเวศ Ethereum ได้มากขึ้น และขยายตลาด Total Addressable (TAM) ของเครือข่าย

นอกจากนี้ การอัปเกรดนี้ยังมีแนวโน้มที่จะลดต้นทุนสำหรับบล็อกเชน layer 2 ในการจัดเก็บข้อมูลบนเครือข่ายหลัก โดยคาดว่า การลดต้นทุนนี้จะถูกส่งต่อไปยังผู้ใช้ผ่านค่าธรรมเนียมที่ถูกลง

แม้ว่าโซลูชัน layer 2 จะเป็นบล็อกเชนแยกต่างหากที่สร้างขึ้นบน layer  1 ( layer พื้นฐาน) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขยายขนาดและจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การอัปเกรดนี้คาดว่าจะไม่ส่งผลดีต่อผู้ใช้ Ethereum มากนัก เนื่องจากการลดค่าธรรมเนียมที่สัญญาไว้กับผู้ใช้งาน layer 2 จะไม่ขยายไปถึงผู้ที่ทำธุรกรรมบนบล็อกเชน Ethereum หลัก

ที่มา : binance square , cryptopotato