<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ICBC ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยกย่องวิวัฒนาการ Bitcoin,Ethereum ในฐานะสินทรัพย์ทางการเงินที่ล้ำสมัย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) เปรียบเทียบ Bitcoin กับทองคำ และกล่าวว่า Ethereum ได้กลายเป็น “น้ำมันดิจิทัล” ที่สามารถขับเคลื่อนแอปพลิเคชันต่าง ๆ มากมายภายในระบบนิเวศ web3

ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพิ่งเผยแพร่บทวิเคราะห์เชิงลึก ที่เน้นย้ำถึงวิวัฒนาการอันรวดเร็วและความหลากหลายที่เพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัล บทวิเคราะห์นี้เปรียบเทียบ Bitcoin กับทองคำ และขนานนาม Ethereum ว่าเป็น “น้ำมันดิจิทัล”

รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึง ศักยภาพของมนุษย์ในการสร้างความเชื่อที่กว้างไกล ดังที่ Yuval Noah Harari นักประวัติศาสตร์ชื่อดัง ได้กล่าวไว้ โดยชี้ว่าศักยภาพนี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญเบื้องหลังการเติบโตแบบก้าวกระโดด ของสกุลเงินดิจิทัลและ แอปพลิเคชันต่างๆ

Matthew Sigel หัวหน้าฝ่ายวิจัย สินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck กล่าวว่า:

“ธนาคาร SOE ของจีน ยังคงเขียนจดหมายรักถึง Bitcoin และ Ethereum”

รายงานของธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) ชี้ให้เห็นถึง เส้นทางการพัฒนาที่แตกต่างกันของสกุลเงินดิจิทัลประเภทต่าง ๆ  โดยแต่ละสกุลเงินดิจิทัลนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนอง ความต้องการที่เฉพาะเจาะจง ภายในระบบนิเวศทางการเงิน 

จดหมายรัก

รายงานของธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) ชี้ว่า ความต้องการของตลาด เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมในภาคสกุลเงินดิจิทัล กระบวนการนี้เริ่มตั้งแต่การกำเนิดของ Bitcoin (BTC)  ไปจนถึงความก้าวหน้าของ Ethereum (ETH) และแนวโน้มการพัฒนาของสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currencies: CBDCs)

ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ICBC) กล่าวว่า Bitcoin สามารถรักษาความขาดแคลนได้เทียบเท่ากับทองคำ ผ่านกลไกฉันทามติทางคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นกลไกการทำงานพื้นฐานของ Bitcoin

รายงานนี้ยังชื่นชม Bitcoin ในฐานะสกุลเงินดิจิทัลเบอร์ต้นๆ ที่สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการแบ่งย่อย (divisibility) , การยืนยันความถูกต้อง (authenticity verification) และความสะดวกในการพกพา (portability) แม้คุณสมบัติทางการเงินของ Bitcoin จะลดลงตามกาลเวลา แต่รายงานระบุว่า สถานะของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

ในขณะเดียวกัน Ethereum ถูกมองว่ามอบ “พลังทางเทคนิคสำหรับอนาคตดิจิทัล” (technical power for the digital future) และกำลังสร้างตัวเองให้เป็น “น้ำมันดิจิทัล” ที่สามารถขับเคลื่อนแอปพลิเคชันต่าง ๆ มากมายภายในระบบนิเวศ web3

Ethereum แตกต่างจาก Bitcoin ตรงที่ Ethereum มีความสมบูรณ์แบบของ Turing ผ่านภาษาการเขียนโปรแกรมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองอย่าง Solidity  และเครื่องจักรเสมือนที่เรียกว่า EVM

คุณสมบัตินี้ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างและจัดการสัญญา smart contract และ แอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้  ส่งผลให้ Ethereum เป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับ DeFi และ NFT  ซึ่งรายงานของ ICBC ยังมองเห็นศักยภาพของ Ethereum ที่อาจขยายอิทธิพลไปสู่เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพแบบกระจายศูนย์ (DePin) อีกด้วย

แม้จะมีศักยภาพที่น่าสนใจ แต่ Ethereum ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายในทางปฏิบัติหลายประการ  ได้แก่ ช่องโหว่ด้านความปลอดภัย , ปัญหาการปรับขยาย และการใช้พลังงานจำนวนมาก

นักพัฒนา Ethereum กำลังสำรวจโซลูชันต่าง ๆ เพื่อจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ การแนะนำกลไกฉันทามติ Proof of Stake (POS) และเทคโนโลยีการแบ่งส่วนในการอัปเกรด Ethereum 2.0 มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มปริมาณงานของเครือข่าย และความยั่งยืน นอกจากนี้ นักพัฒนากำลังทำงานเกี่ยวกับโซลูชัน Layer 2 เช่น ช่องทางสถานะ, เครือข่ายด้านข้าง และโรลอัปเพื่อปรับปรุงความสามารถในการขยายขนาด

ที่มา : cryptoslate