ด้วยมูลค่าของ bitcoin ที่พุ่งขึ้นสูงเกือบแตะ 20,000 ดอลลาร์ ต่อเหรียญ รวมถึงมูลค่าตลาดรวมของ cryptocurrency ทั้งหมดที่เพิ่งจะเกิน 600,000,000 ดอลลาร์ ทำให้อาชญากรพุ่งเป้าไปที่ผู้เล่นในตลาดนี้รวมไปถึงเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
นาย Bryce Boland หรือ CTO ของบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำอย่าง FireEye เปิดเผยในงาน ZDNet ว่า มีผู้ที่เป็นเหยื่อของ ransomware ถูกข่มขู่ให้จ่ายด้วย cryptocurrency บ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Google Report ยังได้รายงานว่า ransomeware ทั้ง 34 ตัวนี้สามารถทำรายได้กว่า 25,000,000 ดอลลาร์ในช่วง 2 ปีนี้ แสดงให้เห็นถึงผลกำไรที่ดีของธุรกิจเหล่านี้อย่างมาก
นาย Boland กล่าวว่า
“พวกเราได้เห็นการข่มขู่ รีดไถธุรกิจต่าง ๆ จำนวนมาก และส่วนใหญ่อาชญากรก็ใช้ cryptocurrency โดยเฉพาะ bitcoin เป็นช่องทางในการรับเงินอีกด้วย ลูกค้าของเราจำนวนมากประสบปัญหาในเรื่องความปลอดภัยของเหรียญ และยังต้องซื้อ bitcoin เพื่อจ่ายให้แก่อาชญากรอีก”
นาย Boland ยังกล่าวอีกว่าการที่ราคาของเหรียญบางตัวพุ่งขึ้นสูงนั้นทำให้คนรู้สึกว่าควรจะซื้อเหรียญเก็บสะสมเอาไว้บ้าง และผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะซื้อ cryptocurrencies นั้นต่างก็คิดเพียงแต่จะเก็งกำไรกันเท่านั้น โดยไม่ได้คาดคิดและระวังเลยว่าเงินของพวกเขานั้นถูกขโมยได้ง่ายมากแค่ไหน
การเข้ารหัสไม่สามารถแก้ความอ่อนแอของมนุษย์ได้
นาย Boland ชี้ว่า การเข้ารหัสนั้นจะช่วยแก้ทุกปัญหาก็ต่อเมื่อมันสมบูรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดเท่านั้น อาชญากรหันมาใช้ cryptocurrencies เพื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนจับ แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ที่พุ่งเป้าจะเล่นงานกับมนุษย์ด้วยกันเอง
“ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณมี password ที่แข็งแกร่ง รวมถึงใช้คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวในการเข้าเวปเทรด cryptocurrencies คุณก็ยังสามารถตกเป็นเหยื่อได้อยู่ดี”
สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่คนเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการใช้ cryptocurrencies ต่าง ๆ แต่อาชญากรนั้นไม่ได้แค่นั่งเดา password ของ wallet แต่พวกเขาขโมยข้อมูลและ password เพื่อเข้า wallet เลยต่างหาก!
นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยน cryptocurrencies ปัจจุบันที่ดำเนินการโดยองค์กรหรือบริษัทเล็ก ๆ อาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรได้ เพราะถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะรู้และเข้าใจเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่ความพยายามในการรองรับข้อมูลจำนวนมากอาจทำให้บริษัทเหล่านี้มองข้ามความสำคัญของมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ไปและทำให้เกิดหายนะได้
“พวกเราเคยเห็นบริษัทเหล่านี้โดน DDoS attack รวมถึงโดนพยายามขโมยเหรียญต่าง ๆ, พยายามรวบรวมข้อมูลว่าบริษัทเหล่านี้ดำเนินการกันอย่างไร โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องขั้นตอนการป้องกันการฟอกเงิน, พยายามหาตัวผู้ที่ทำงานในบริษัทเหล่านั้นเพื่อก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ต่อ”
ตัวอย่างจริงของสิ่งที่นาย Boland พูดถึงนี้คือ YouBit หรือแลกเปลี่ยน cryptocurrencies หนึ่งที่ตั้งอยู่ในเกาหลี ซึ่งโดน hacker แอบเข้า wallet และถูกขโมยทรัพย์สินไปถึง 17% ของทั้งหมด
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น