ในการให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg เมื่อไม่นานมานี้ Dawn Fitzpatrick CEO ของ Soros Fund Management คาดการณ์ว่า Ethereum จะได้รับ “แรงสนับสนุนที่มากกว่า” เมื่อเทียบกับ Bitcoin
Fitzpatrick อ้างว่าผลกระทบต่อสภาพอากาศจะกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้นซึ่งสิ่งนี้อาจขัดขวางการนำ Bitcoin ไปใช้งานโดยที่ตัวของ Bitcoin นั้นอาศัยอัลกอริธึม Proof-of-Work ที่เรียกได้ว่าทำให้ตัวของมันเองนั้นอาจต้องอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คาดว่า Ethereum จะลดการใช้พลังงานน้อยลงอย่างมากเมื่อเปลี่ยนไปใช้ Proof-of-Stake ในช่วงปลาย ๆ ของปีนี้ตามที่ U.Today ได้รายงาน ผู้ร่วมก่อตั้ง Vitalik Buterin กล่าวว่าการอัพเกรด The Merge อาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในเดือนสิงหาคมนี้
โดยรวมแล้ว Fitzpatrick เชื่อว่าคริปโตจะยังเดินหน้าต่อไปและเธอยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่ามันได้กลายเป็นกระแสหลักไปแล้วนอกจากนี้เธอยังเชื่อมั่นว่าบล็อกเชนจะมีการนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างดีเยี่ยม
เธอได้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่า Fidelity ยักษ์ใหญ่ด้านกองทุนรวมเพิ่งได้มีการประกาศว่าลูกค้าจะสามารถลงทุนส่วนหนึ่งของกองทุนเกษียณอายุใน Bitcoin ได้ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวดังกล่าวสามารถสนับสนุนการยอมรับ crypto ได้อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Fitzpatrick ยืนยันว่ากองทุนครอบครัวของ Soros นั้นได้มีการถือครอง Bitcoin บ้างแล้ว
ในเวลาเดียวกัน Fitzpatrick เชื่อว่าบริษัทที่ถือเงินทุนของพวกเขาในคริปโตเป็นหลักนั้นอาจจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะเวลาอันใกล้นี้
ช่วงเวลานี้อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงสาหัสของตลาดคริปโตอย่างล่าสุดราคาของ Bitcoin ได้ปิดแท่งแดงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น
ราคาของ Bitcoin และ Ethereum ลดลงมากว่า 54% และ 60.49% จากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตามลำดับ อ้างอิงข้อมูลจาก CoinGecko สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดคริปโตเกิดวิกฤติเช่นนี้ขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายทางการเงิน Fed ในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย
Fitzpatrick บอกกับ Bloomberg ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะสามารถยอมรับให้เกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นของ Fed ได้โดยไม่ต้องทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย