พบเจ้ามือรายใหญ่สูญเสียเงินกว่า 308 ล้านดอลลาร์จากการใช้เลเวอเรจในการเดิมพัน Ethereum (ETH) ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความเสี่ยงของการใช้เลเวอเรจในสภาวะตลาดที่ผันผวน
ข้อมูลจาก Hypurrscan ระบุว่า เทรดเดอร์นิรนามรายนี้ถูกบังคับขายสินทรัพย์ (Liquidated) จากสถานะ Long ที่มีเลเวอเรจ 50 เท่า ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 160,234 ETH หรือราว 308 ล้านดอลลาร์ ณ เวลาที่ถูกบังคับขาย

การใช้เลเวอเรจเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อเพิ่มขนาดการลงทุน ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มโอกาสขาดทุนอย่างมหาศาลเช่นกัน โดยในกรณีนี้ วาฬคริปโตรายดังกล่าวได้เปิดสถานะซื้อ ETH ที่ราคา 1,900 ดอลลาร์ พร้อมจุดบังคับขายที่ 1,877 ดอลลาร์
ในขณะที่บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล on-chain อย่าง Lookonchain เปิดเผยว่า เจ้ามือรายนี้ได้เปลี่ยนสินทรัพย์ทั้งหมดจาก Bitcoin (BTC) ไปเป็นสถานะ Leveraged Long ใน ETH ก่อนจะถูกบังคับขายทั้งหมด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความผันผวนของตลาด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับโลก ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการตอบโต้ทางภาษีของสหภาพยุโรปล่าสุด นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จาก Bitfinex ชี้ว่า แนวโน้มขาลงของ ETH ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจมหภาค และการที่จำนวนผู้พัฒนาโครงการใหม่บนเครือข่าย Ethereum ลดลง
“ค่าธรรมเนียมการดำเนินงานที่สูงทำให้ผู้พัฒนาหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ ETH ขาดแรงสนับสนุน […] เราเชื่อว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์จะเป็นแนวรับสำคัญของ ETH” นักวิเคราะห์กล่าว พร้อมเสริมว่า “อย่างไรก็ตาม การเทขายในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ ETH เท่านั้น แต่เป็นการปรับฐานของตลาดโดยรวม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีที่กระทบสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด”
นอกจากนี้ กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Ether (ETF) ในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคา โดยข้อมูลจาก Sosovalue แสดงให้เห็นว่า US Spot Ether ETFs เข้าสู่สัปดาห์ที่สี่ของกระแสเงินไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่แล้วมีเงินทุนไหลออกสุทธิถึง 119 ล้านดอลลาร์
ที่มา: Cointelegraph