หลังจากที่ราคาทองคำเพิ่งจะพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลไปหมาดๆ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดโลหะมีค่าก็กลับต้องเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนักในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2025 ส่งผลให้ราคาทองคำและแร่เงิน “ดิ่งเหว” ลงอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นการปรับฐานครั้งใหญ่ที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังคาดหวังว่าราคาจะเดินหน้าทำสถิติใหม่ต่อไป

ทำไมถึงร่วงหนัก? 4 ปัจจัยหลักกดดันตลาด
การร่วงลงอย่างรุนแรงในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 สำหรับทองคำ และปี 2021 สำหรับแร่เงิน มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน
- แรงเทขายทำกำไร (Profit-Taking) หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 4,381 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนจำนวนมากที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจึงตัดสินใจ “เทขาย” เพื่อล็อกกำไรออกมา ซึ่งเป็นการสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อราคา
- เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งสัปดาห์ การที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทำให้ทองคำและแร่เงินซึ่งซื้อขายกันในสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการลดลงและเกิดแรงเทขายตามมา
- ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ผ่อนคลาย สัญญาณบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการที่ประธานาธิบดีทรัมป์และสี จิ้นผิง มีกำหนดจะพบปะกัน ทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าความเสี่ยงลดลง และลดความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลง
- ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงกลับมา เมื่อความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ลดลง นักลงทุนจำนวนมากจึงหันกลับไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าแต่ให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจกว่า เช่น หุ้น ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาดโลหะมีค่า

ภาพรวมยังดูดี-แต่นักลงทุนควรระวัง
แม้ว่าราคาทองคำจะร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าแนวโน้มในระยะยาวยังคงเป็นบวก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่หนุนราคาทองคำ เช่น ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ, การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นต่อไป โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า:
- อย่าไล่ราคา หลีกเลี่ยงการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาพุ่งสูงเกินไป
- ใช้จังหวะย่อตัว พิจารณาทยอยเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาปรับตัวลดลง
- จับตาปัจจัยสำคัญ ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจ, การตัดสินใจของ Fed และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด
การร่วงลงของราคาในวันนี้ถูกมองว่าเป็น “การปรับฐานตามปกติ” หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ นักลงทุนควรใจเย็นและมุ่งเน้นไปที่แนวโน้มระยะยาวมากกว่าการเคลื่อนไหวในระยะสั้น
ที่มา: times

