Mike McGlone นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Bloomberg ออกมาเตือนว่า Bitcoin อาจเผชิญขาลงอย่างหนักถึงขั้นร่วงลงไปแถว 10,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นการปรับตัวลงกว่า 90% จากจุดสูงสุด โดยเขามองว่าระดับ 50,000 ดอลลาร์ ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นแนวรับสำคัญนั้น อาจเป็นแค่ทางผ่านของขาลงครั้งนี้เท่านั้น
เหตุผลเบื้องหลังตัวเลข 10,000 ดอลลาร์ที่ฟังดูน่าตกใจนี้ คือแนวคิด “การกลับสู่ค่าเฉลี่ย”หรือ Mean Reversion โดย McGlone อธิบายว่า ราคาดังกล่าวคือระดับที่ Bitcoin มีการซื้อขายกันตามปกติก่อนที่จะเกิดกระแสเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งในยุคหลังปี 2020 เป็นต้นมา
McGlone เชื่อว่า การพุ่งทะยานของราคาตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นขับเคลื่อนด้วย “สภาพคล่องส่วนเกิน” ในระบบการเงินเป็นหลัก ดังนั้นการที่ราคาจะปรับตัวลงไปหาจุดเดิมจึงเปรียบเสมือนการรีเซ็ตตลาดเพื่อกลับสู่สภาวะปกติที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ เขายังได้เปิดประเด็นเรื่องความขาดแคลนที่มักถูกใช้เป็นจุดขายของ Bitcoin โดยเปรียบเทียบว่า ในโลกความเป็นจริง หากคุณต้องการโลหะมีค่าเพื่อรักษามูลค่า ตัวเลือกที่จำกัดจริง ๆ มีเพียงแค่ ทองคำ เงิน แพลตตินัม และพัลลาเดียม เท่านั้น ในขณะที่ภาพรวมของตลาดคริปโตกลับมีเหรียญใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก จนเกิดภาวะเงินเฟ้อในตัวเอง ซึ่งอุปทานส่วนเกินเหล่านี้ ทำหน้าที่เจือจางเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้ามาในตลาด และทำให้มูลค่าที่แท้จริงลดลง
สิ่งที่น่าสังเกตคือ McGlone ไม่ได้เป็นสายต่อต้าน Bitcoin มาตั้งแต่ต้น ย้อนกลับไปในยุคที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เขาเคยเป็นหนึ่งในเสียงจากฝั่งสถาบันที่ออกมาเชียร์ว่า Bitcoin จะพุ่งแตะ $100,000 และเชื่อมั่นว่ามันกำลังเติบโตไปเป็นสินทรัพย์สำรองระดับโลก
ทว่า เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2025 มุมมองของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเขายอมทิ้งแนวคิด “ทองคำดิจิทัล” หลังจากเห็นสัญญาณความแตกต่างที่ชัดเจน เมื่อทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล แต่ Bitcoin กลับไม่ไปไหน ประกอบกับมุมมองเศรษฐกิจมหภาคที่เขามองว่า โลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินฝืด ซึ่งในสภาวะเช่นนี้ “เงินสดคือพระเจ้า” หรือ Cash is King และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนคำทำนายขาลงแบบสุดโต่งนี้ เพื่อเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $89,444 เพิ่มขึ้น 2.07% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

ที่มา: u.today

