อ้างอิงจาก PR ที่ทาง Siam Blockchain ได้รับมาระบุว่าบริษัท บิทคอยน์กรุ๊ป จำกัด ( Bitcoin Group Co.,Ltd) ประกาศเป็นพันธมิตรกับบริษัทไลฟ์ไทม์ เทคโนโลยี จำกัด (Lifetime technology Co.,Ltd) เพื่อเป็นการทำการตลาดให้กับเหรียญ Siambitcoin (sBTC)
เหรียญ sBTC
ทางทีมงานได้ทำการสัมภาษณ์เจ้าของเหรียญ Siam Bitcoin (sBTC) โดยเจ้าของก็คือคุณสราวุฒิ ทองดี
ทางทีมงานได้สอบถามว่าทำไมคุณสราวุฒิถึงเลือก Lifetime Technology นั้นคุณสราวุฒิได้บอกกับเราว่า:
“ที่ผมเลือกผมมองหลาย ๆ งานของเขาครับเพราะบริษัท มีงานด้าน IT หลายอย่างครับ เช่น chatbot ก็ดี smart home ก็ดี หรือระบบ IDC และ voip พวกนี้เป็นโปรดักส์ที่ผมอยากทำครับ แล้วถ้า sBTC ของผมเข้าไปอยู่ใน service ต่าง ๆ พวกนี้จะดีมากเลยครับ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ระบบ Smart home ถ้าวันหนึ่ง ตู้เย็นบ้านของเราผักหมดปลาหมด ก็แค่ เข้าแอปฯ แล้วเลือกผักเลือกของที่จะใส่ในตู้เย็นจากนั้นกดซื้อแล้ว scan qr code หน้าตู้เย็น จ่ายด้วย sBTC ได้เลยจบ แล้วสัก 30 นาที คนก็มาส่งสินค้า ถึงหน้าตู้เย็นเรา ดีไหมครับ”
โดยแนวคิดในการสร้างเหรียญหรือเป้าหมายของมันคืออะไรนั้น คุณสราวุฒิได้ให้คำตอบดังนี้:
“ตอนแรกแนวคิดอยากทำเหรียญขึ้นมาเพื่อหาวิชามาบอกต่อวิธีการการทำเทคนิคต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มรู้ครับ แต่พอทำไปทำมาครับ ไอเดียก็มากขึ้น จากเป้าหมายแรกก็มีเป้าหมายใหม่อีกหลาย ๆ อย่างเข้ามาต่อยอดเรื่อย ๆ ครับ มันเกิดความสนุกในการทำครับ กลายเป็นว่าเราแทบจะไม่มีเป้าหมายที่จะหยุดอยู่ที่เป้าหมายเดียวครับเพราะตอนนี้ ทั้งไอเดียและเป้าหมายมาหลายอย่างมากเลยครับ แต่เป้าหมายหลักก็แน่นอนครับอยากให้เหรียญเรามีคนใช้งานมันเยอะ ๆ ครับ ผมจึงพยามหา service ต่าง ๆ เข้ามารองรับมันครับ”
พอถามเรื่องอนาคตของเหรียญ sBTC คุณสราวุฒิได้กล่าวกับทางทีมงานว่า:
“เรื่องของมองอนาคตของ sBTC ตอนนี้ผมก็ยังไม่มองมันมากครับเพราะตอนนี้ไฟกัสไปที่หา Partner และ service การใช้งานให้มากกว่านี้ก่อนครับ จากนั้นเรื่องอนาคตว่ากันอีกทีครับ”
นอกจากนี้เหรียญ sBTC ถูกลิสต์บนเว็บ Marketcap ที่มีชื่อว่า CoinGecko เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การร่วมมือกัน
ทั้งสองฝ่ายได้เซ็นต์สัญญา MOU เพื่อบรรลุข้อตกลงและไม่แทรกแทรงการทำงานต่อกัน
ทั้งนี้การทำตลาดของ Lifetime technology ตามข้อตกลงภายใต้เงื่อนใขสัญญาจะต้องคงอัตราแลก Siambitcoin(sBTC) 1:1 กับ Bitcoin(BTC) โดยข้อตกลงนี้ ทาง Siambitcoin ได้ว่าจ้างทาง Lifetime technology เป็นเหรียญ sBTC จำนวน 10% ของ Total ทั้งหมด
นายสราวุฒิได้กล่าวถึงการเซ็นต์ MOU ว่า:
“ใน MOU เราก็ไม่ได้มีสิทธิ์หรืออำนาจที่จะเข้าไปแทรกแซงการทำงานของบริษัทเขาได้ เราเป็นแค่เหรียญหนึ่งที่เขาสนใจและผ่านกฎระเบียบต่าง ๆ ของเขาก็เท่านั้นเอง”
และเมื่อถามถึงตัวเว็บ Siambitcoin ที่เขานั้นเป็นเจ้าของ ทางคุณสราวุฒิได้กล่าวว่า:
“ตัว Siambitcoin นั้นก็เหมือน Bitcointalk.org นั้นแหละเป็นเว็บบอร์ดชุมชนบิทคอยน์ที่ให้สมาชิกทั่วไปได้มาโพสแชร์ข่าวสารความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain หรือ Bitcoin และได้ทำเหรียญ sBTC ขึ้นมาเพื่อให้ชุมชนบิทคอยน์ของเรามีรายได้ในเวลาสมาชิกมาโพสข้อมูลลงเว็บบอร์ดระบบมันจะ Get Token ให้เพื่อนำเหรียญที่ได้ไปขายเพื่อเป็นรายได้แก่สมาชิกอีกช่องทางหนึ่ง และเสริมว่า Siambitcoin (sBTC) ไม่ได้มีการระดมทุนหรือทำ ICO แต่อย่างใด”
ที่สำคัญนั้นเขายังได้เผยถึงรายละเอียดการร่วมมือระหว่างบริษัทบิทคอยน์ กรุ๊ป กับบริษัท Lifetime Technology อีกด้วย โดยเขากล่าวเสริมว่า
“ส่วนทาง Lifetime technologyเอง ที่เราเป็น Partner ก็มีเว็บ Virtual Mining เป็นที่นิยมกันทั่วโลกที่เปิดมาค่อนข้างนานตั้งแต่ผมเริ่มเข้าวงการมาเลย ถึงตอนนี้อาจจะเจอวิกฤตปัญหาแต่ก็เชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีเปรียบเทียบกับเว็บ Mining รายอื่นที่ชักปลั๊กกันหมดแล้ว ก็ถือว่า Virtual Mining ของเขายังอยู่ก็ถือว่าใช้ได้เลย และแอป CFpay ที่จะเปิดตัวอีกในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย ทางเราเองเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ถ้าเหรียญเราได้ อยู่ ใน service ต่าง ๆ ของเขาและสมาชิกในเว็บบอร์ดของเราจะได้มีช่องทางในการนำ sBTC ไปใช้งานได้มากขึ้นอีกด้วย”
ขึ้นเว็บเทรดแล้ว
นอกจากนี้อ้างอิงจาก PR ระบุว่าเหรียญ sBTC ได้ลิสต์ขึ้นเว็บเทรดไปแล้ว 9 แห่งได้แก่:
ddex.io, stex.com, latoken.com, token.store, crex24.com, p2pb2b.io, 365.stream,
southxchange.com, tradesatoshi.com และเว็บ coinpayments.net ซึ่งเป็น Payment Service Plugin
และในอนาคตนั้นทางคุณสราวุฒิกล่าวว่าจะเพิ่มเว็บเทรดมากกว่านี้อย่างแน่นอน
Wallet
ปัจจุบันเหรียญ Siambitcoin (sBTC) นั้นสามารถใช้งาน Wallet App รับหรือโอนได้หลายตัวเช่น Extension บน Chrome อย่าง Metamask, myetherwallet.com และ mycrypto.com ซึ่งมันเป็นเว็บ wallet ผ่าน web browser โดยสามารถสร้างกระเป๋ารับส่ง sBTC กันได้ทันที Mobile App ที่ชื่อว่า Trust Wallet ที่มี เว็บเทรด Binance เป็นเจ้าของ และ Wallet App ของไทยที่ชื่อว่า Swaple อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดได้จาก iOS และ Android
หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น