คาดว่าในปี 2021 วงการคริปโตยังคงจะอยู่ในขาขึ้นต่อไปเพราะว่าแรงผลักดัน หลักๆที่ทำให้เกิดการปรับใช้เงินคริปโตในปี 2020 จะยังคงมีอิทธิพลต่อไปในปี 2021
แม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีที่มีวิกฤติครั้งใหญ่ถาโถมทั่วโลกโดยแทบไม่มีผู้ใดได้ตั้งตัวไว้ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมา ราคาของเหรียญ Bitcoin ได้ทะลุสู่จุดสูงสุดในประวัติการณ์ เพราะเงินดิจิตัลถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ นอกจากนั้นแล้ว 2020 ยังเป็นปีที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับในระดับสถาบันรวมทั้งในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ในปี 2021 Bitcoin จะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นแบบนี้หรือไม่ และมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆหันมายอมรับเงินคริปโตมากยิ่งขึ้น
ดูเหมือนว่ามีนักลงทุนจำนวนมากที่เชื่อว่าช่วงขาขึ้นล่าสุดของราคาBitcoin ส่วนหนึ่งต้องได้รับการขับเคลื่อนโดยธุรกิจวาณิชธนกิจ (investment bank) รวมถึง hedge fund ที่ได้แห่กันเข้ามาในวงการนี้ ซึ่งเทรนด์นี้ดูเหมือนจะยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงมา
มีหลักฐานมากมายที่พิสูจน์ให้เห็นว่าในปี 2021 ผู้มีอิทธิพลในแวดวงการเงินแบบดั้งเดิมจะมองว่าตลาด bitcoin นั้นอยู่ในช่วงขาขึ้นมากยิ่งเดิม นาง Meltem Demirors ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์ (Chief Strategy Officer) ของบริษัท CoinShares กล่าวกับ Cointelegraph ว่า:
“วิธีในการที่ Bitcoin ถูกกล่าวถึงในช่วงนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างลึกซึ้ง! Larry Fink ได้บอกกับนาย Mark Carney ในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า Bitcoin เป็นทองคำดิจิตัลและยังเชื่อว่า Bitcoin คืออนาคต นาย Scott Minerd หัวหน้าฝ่ายด้านการลงทุน CIO ของบริษัท Guggenheim Partners ได้กล่าวว่า BTC มีราคาเป้าหมายที่ 4 แสนดอลลาร์ เมื่อก่อนมีแต่คนในแวดวงคริปโตที่ทำการทำนายแบบเด็ดขาดเช่นนี้ แต่ในตอนนี้มีทั้งสถาบันรวมถึงผู้ทรงอิทธิพลในตลาดทุนที่ดูแลสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ที่เริ่มกล่าวในทำนองเดียวกันแล้ว”
นาง Demirors ยังคาดการณ์ว่ารัฐบาลใหม่ฝ่ายเดโมแครตของสหรัฐจะทำการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอีก ซึ่งเงินที่ถูกอัดฉีดเหล่านี้ก็จะให้ตลาดคริปโตขยายมากยิ่งขึ้นต่อไป
Dave Hodgson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ NEM Group มีความคิดเห็นว่านโยบายการเงินของสหรัฐในปัจจุบันเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการไหลเข้าสู่ตลาด Bitcoin ของเงินสถาบัน:
“ หากสหรัฐฯยังคงขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรืออัตราเงินเฟ้ออย่างไม่หยุดหย่อนอีกต่อไป การกระจายการลงทุน (diversify) ก็ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจทางการเงินที่สมเหตุสมผลและ BTC ก็เป็นหนึ่งในสกุลที่ปลอดภัยที่มีความสามารถในการรักษาไว้ซึ่งสภาพคล่อง”
ส่วนความเชื่อที่ว่า Bitcoin กำลังค่อยๆมาแทนที่ทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (hedge) ของภาวะเงินเฟ้อก็ยังคงแพร่หลายอยู่เช่นกัน นาย Eric Richmond ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของเว็บเทรด Coinsquare ได้กล่าวกับ Cointelegraph ว่า:
“Bitcoin จะยังคงเป็นเงิน smart money อีกทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากทองคำ โดยทางกองทุนบำนาญ, สำนักงานครอบครัว, กองทุนป้องกันความเสี่ยง (hedge fund), นักลงทุนรายใหญ่และบริษัทต่างๆ จะทำการจัดสรรพื้นที่พอร์ตโฟลิโอส่วนหนึ่งไว้สำหรับ Bitcoin ในปี 2021”
การได้รับความยอมรับในวงกว้าง
ในปี 2020 สกุลเงินดิจิทัลสามารถเข้าถึงนักลงทุนรายย่อยได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณบริษัทชื่อดังที่ให้บริการรับชำระเงินเช่น PayPal และ Square ที่ทำให้เงินดิจิทัลนั้นพร้อมใช้งานสำหรับฐานผู้ใช้จำนวนมาก การกระจายจุดเชื่อมต่อ (access point) ให้หลากหลายขึ้นและการทำ interface ทีให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นจะช่วยทำให้มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และจะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าร่วมกลุ่มผู้ถือ crypto พร้อมกันกับนักเทรดและนักลงทุนในอนาคตข้างหน้านี้
Miles Paschini ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการแอพด้านการลงทุนเงินคริปโตชื่อว่า B21 บอกกับ Cointelegraph ว่าเขาคิดว่าปี 2021 น่าจะเป็นปีที่จะมีผู้คนในวงกว้างหันเริ่มมาใช้งานเงินคริปโต:
“เครื่องมือสำหรับนักลงทุนและระบบการชำระเงินจะเริ่มเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้นและธนาคารต่างๆ ที่เคยรังเกียจ cryptocurrencies ก่อนหน้านี้จะเริ่มปรับตัวและให้บริการแบบครบวงจร”
นอกเหนือจากเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วนี้ การนำเสนอใหม่ๆที่จะทำให้ผู้ชมในวงกว้างรู้จักกับสินทรัพย์คริปโตก็จะยังคงปรากฏขึ้นต่อไป เหรียญ Diem ของ Facebook ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นในขณะที่ Simon Peters นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย eToro กล่าวกับ Cointelegraph ว่า:
“บริษัท Facebook มีผู้ใช้ 2.7 พันล้านคนในแอพต่างๆของทางบริษัท เหรียญ Diem ของ Facebook มีกำหนดจะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2021 และอาจเป็นสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างเงินคริปโตกับผู้ใช้กลุ่มใหม่ หาก Diem มีรายชื่ออยู่ในเว็บเทรดคริปโตที่อนุญาติให้มันสามารถถูกนำมาแลกเปลี่ยนเป็น bitcoin และเหรียญ alt อื่นๆได้ สิ่งนี้อาจกระตุ้นให้กลุ่มประชากรใหม่เริ่มเข้ามาศึกษาเงินคริปโต”
Peters กล่าวเพิ่มเติมว่าหากพิสูจน์ได้ว่าการซื้อเงินคริปโตด้วย Diem นั้นราคาถูกและง่ายดายกว่าด้วยเงิน fiat บริการชำระเงินของ Facebook อาจกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดการยอมรับจากผู้คนวงกว้างในปี 2564
Decentralized Finance
แอปพลิเคชั่น DeFi ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในปี 2020 ต่างจาก sector อื่นๆในอุตสาหกรรมคริปโต ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่ามันจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการรับรู้ของสาธารณชนเกี่ยวกับเงินคริปโตก็จะเพิ่มขึ้นในปีหน้า นาย Erick Pinos หนึ่งในผู้นำของแพลตฟอร์มบล็อกเชน Ontology กล่าวกับ Cointelegraph ว่าเงินคริปโตช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างรายได้:
“ด้วยการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ, การให้กู้ยืม, การประกันภัย, อนุพันธ์, กองทุนรวมและอื่น ๆ โอกาสในการสร้างรายได้บน DeFi นั้นไม่มีที่สิ้นสุด” โดยรวมแล้ว Pinos คาดว่าปริมาณ volume ธุรกรรมที่สำคัญและความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปีหน้าจะยังคงอิงกับ DeFi เป็นหลัก
ในขณะเดียวกัน ข้อจำกัดที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับการเติบโตของภาค DeFi คือแรงกดดันด้านกฎระเบียบในกระบวนการของการสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมและแบบกระจายอำนาจที่จะเกิดขึ้นโดยหลีกเลี่ยงไม่ได ในช่วงแรก สิ่งนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดความตึงเครียดมากพอสมควรในวงการที่กำลังเกิดใหม่ แต่ในที่สุดผลตอบแทนในการปฏิบัติตามกฎระเบียบก็จะสูงเป็นอย่างมาก”
การลดอุปสรรคในการเข้าถึงโปรโตคอล DeFi ด้วยการทำให้ระบบนั้นมีความ user-friendly จะมีส่วนช่วยทำให้จำนวนผู้ที่ใช้เครื่องมือการลงทุนเหล่านี้เพิ่มยิ่งขึ้น Will Liu หัวหน้าฝ่ายโปรโตคอล decentralized ของ SAGA ทำนายว่า
“DeFi จะมีรูปแบบที่เป็นมาตรฐานและจะใช้งานได้ง่ายมากขึ้นในปี 2564 และผมเชื่อว่ามันจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนรายย่อยไปอีกนาน”
Liu ยังคิดว่าเทรนด์ร้อนแรงอื่นๆในปี 2020 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง use case หลากหลายชนิดสำหรับ non-fungible tokens จะยังคงได้รับแรงดึง (traction) ในปีถัดไป ยกตัวอย่างเช่น NFT สำหรับงานศิลปะดิจิทัลและที่จับต้องได้จะดึงดูดความสนใจในการประมูลครั้งใหญ่ในขณะที่ NFT สำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับประโยชน์จากการวิวัฒนาการของกฎหมายข้อมูลที่ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
Ethereum
กิจกรรม DeFi ต่างๆมีโครงสร้างพื้นฐาน Ethereum รองรับอยู่ ดังนั้นปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ของ DeFi ในปี 2020 นั้นทำให้โปรโตคอลของ Ethereum ได้รับการใช้งานมากยิ่งขึ้น แม้ว่าทางวงการ Ethereum จะได้ทำการปรับปรุงระบบของเครือข่าย ETH ขึ้นไปอีกระดับ แต่มันก็ไม่ได้เป็นกระบวนการที่ราบรื่นโดยเสมอไป
Hodgson ให้ความเห็นว่าผู้ใช้บางคนรู้สึกเบื่อหน่ายกับโครงการ Ethereum อยู่ในระดับนึง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเวลาการเปิดตัว Eth2 รวมถึงระยะเวลาของการ scaling ทั้งนี้ทั้งนั้น Hodgson กล่าวว่าเมื่อจัดการปัญหาเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว Ethereum จะได้รับการยอมรับในวงกว้างขึ้นซึ่งจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับ DeFi อีกต่อไป นาย Richmond กล่าวต่อไปว่า:
“Ethereum ทำธุรกรรมมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2020 และเมื่อมีโครงการใหม่จำนวนมาก ปริมาณการทำธุรกรรมนี้จะเติบโตขึ้นในปี 2021 เหรียญ ETH รองรับผลิตภัณฑ์ crypto หลักทุกประเภทเช่น stablecoin, de-fi, การปล่อยกู้คริปโตและแอปพลิเคชัน NFT เนื่องจาก Ethereum มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ นักลงทุนจึงยังคงใช้สินทรัพย์นี้เพื่อที่จะเข้าถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต่อไป”
ประโยชน์นอกเหนือจากวงการการเงิน
ข้อมูลของคนวงในในอุตสาหกรรมบางรายทำให้เห็นว่าปีที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีการนำเงินคริปโตมาใช้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นซึ่งจะเป็นการใช้ด้วยจุดประสงค์อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำธุรกรรมทางการเงิน เทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพอาจเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างชัดเจนเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดได้ทำการตอกย้ำถึงความจำที่จะต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆในวงการนี้
Chrissa McFarlane ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Patientory Inc. ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพได้กล่าวกับ Cointelegraph ว่าหนึ่งใน solution ที่ผู้ใช้ในวงกว้างได้ให้ความสนใจมากขึ้นตลอดปี 2020 ก็คือโทเค็นที่ส่งเสริมให้ผู้ใช้มีสุขภาพที่ดีในขณะที่ให้พวกเขาเข้าถึงบันทึกการแพทย์
คำอธิบายเหล่านี้ทำให้เห็นภาพของอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มในการเข้าถึงผู้คนและองค์กรมากยิ่งขึ้นในปี 2021 นี้
ที่มา: cointelegraph