<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักสิ่งแวดล้อมชี้การขุด Bitcoin สิ้นเปลืองพลังงาน เรียกร้องให้แฮ็กเกอร์โจมตีระบบ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ทำให้การขุดเหมืองกลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวก็ทำให้การถกเถียงเกี่ยวกับการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อการทำเหมืองขุดคริปโตกลับมาเช่นเดียวกัน

นักสิ่งแวดล้อมนาย Franck Leroy ได้เขียนบทความเรียกร้องให้มีการโจมตีทางไซเบอร์โดยมีเป้าหมายที่ระบบ Bitcoin โดยนาย Leroy ได้กล่าวว่าระบบ Bitcoin นั้นไร้เหตุผลและกำลังทำให้เกิดฟองสบู่การเงิน นอกจากนี้ยังมีการพลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล และสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ในบทความยังมีอีกหลายย่อหน้าที่ได้เรียกร้องให้มีการทำลายระบบโครงสร้างของ Bitcoin โดยการโจมตีในรูปแบบของ DDOS ด้วยธุรกรรมปลอม ๆ และจะทำให้เกิดปัญหาธุรกรรมค้างอยู่ในระบบจำนวนมากได้ นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางการโจมตีระบบ Bitcoin อีก 3 รูปแบบด้วย

“จริง ๆ มันอาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำว่าจะมีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นจริง ๆ หรือไม่ เพราะเป้าหมายหลัก ๆ เป็นเพียงการทำให้ผู้ที่เห็นเหตุการณ์หวาดกลัวว่าอาจเกิดปัญหากับระบบ Bitcoin หรือเพียงแค่มีข่าวว่าอาจจะมีการโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นก็อาจทำให้ราคา Bitcoin ร่วงอย่างรุนแรงได้”

ซึ่งบทความนี้ยังถูกนำไปเผยแพร่ผ่านสื่อยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ อาทิเช่น Bloomberg ที่ได้กล่าวว่าพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้ในการขุด Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตจากน้ำมันหรือถ่านหินอีกด้วย

ล่าสุดยังมีบทความ Wall Street Journal ที่ได้เขียนว่าการขุด Bitcoin ในปัจจุบันอาจใช้พลังงานเทียบเท่าระบบขนส่งมวลชนทั่วโลกรวมกันอีกด้วย

แต่โดยทั่วไปแล้วนักวิเคราะห์มักจะอ้างอิงการใช้พลังงานในการขุดบิทคอยน์จากดัชนี Bitcoin Energy Consumption Index (BECI) ซึ่งจะพบว่าอัตราการใช้พลังงานเพื่อขุด Bitcoin อาจไม่มากอย่างที่คิด

ฝั่งสนับสนุน Bitcoin นาย Marty Bent ได้ระบุพลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในการขุด Bitcoin นั้นเป็นพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินเสียส่วนใหญ่ ซึ่งจะต้องถูกผลิตออกมาอยู่แล้ว และหากไม่นำมาใช้ในการขุด Bitcoin ก็จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์

นอกจากนี้ฝั่งสนับสนุนยังได้เปิดเผยข้อมูลด้วยอีกว่าการขุด Bitcoin ส่วนมากนั้นเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เหมืองขุด Bitcoin ในเมืองเสฉวนที่มีเขื่อนสำหรับผลิตพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ยกเว้นในช่วงฤดูที่แล้งน้ำ จะเปลี่ยนไปผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินแทนชั่วคราว ซึ่งจากการศึกษาเพิ่มเติมพบว่าการผลิตพลังงานไฟฟ้าในเมืองเสฉวนนั้นมากจากแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 90% อีกด้วย

แม้ว่าตัวเลขจะต่างกันแต่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cmabridge ยังระบุด้วยว่าในการทำเหมืองคริปโตนั้นเป็นพลังงานสะอาดถึง 76% อีกด้วย

ที่มา: Cointelegraph