Cardano อาจมี sidechain ตัวแรกสำหรับการทำงานร่วมกันกับ Ethereum เพื่อใช้ในการชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม หลัง dcSpark ประกาศพัฒนา sidechain ชื่อ Milkomeda (M1) บนเครือข่าย Cardano กับเครือข่าย Ethereum โดยจะสามารถย้ายสินทรัพย์ Cardano ที่ไปยังระบบนิเวศ Ethereum ได้
ตามที่ทีม dcSpark จะใช้ Virtual Machine เพื่อเชื่อมต่อกับ Cardano และใช้ Wrap Cardano (wADA) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดั้งเดิมในการชำระค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano กล่าวถึงว่าการพัฒนา sidechain เป็นส่วนสำคัญของวิสัยทัศน์ ก่อนที่จะเสริมว่า Milkomeda เป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าต่อระบบนิเวศของ Cardano ส่วนเทคโนโลยีใหม่อย่าง wrap smart contracts จะช่วยให้ทีมปรับใช้กับ EVM-compatible smart contracts บน sidechain โดยไม่ต้องย้าย smart contracts ของ Cardano ไปยัง sidechain ของพวกเขา
dcSpark มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ Cardano โดยผู้ก่อตั้งโครงการเคยทำงานที่ EMURGO ซึ่งเป็นหน่วยงานเพิ่มศักยภาพและความเร็วให้กับบล็อกเชนและเป็นฝ่ายพัฒนาให้กับ Cardano ด้วย ส่วนเหตุผลในการเปิดตัว sidechain บน Cardano ไม่ได้มีไว้เพื่อขยายเครือข่าย แต่เพียงเพื่อเปิดใช้งานคู่สัญญาร่วมกับ Ethereum เท่านั้น
เครือข่าย Cardano เข้ากันไม่ได้กับ Ethereum Virtual Machine เนื่องจากซอฟต์แวร์สำหรับดำเนินการธุรกรรมบน Ethereum และ Cardano แตกต่างกัน แม้ว่า Cardano ได้นำ UTXO มาใช้ในการทำธุรกรรมก็ตาม
ทีมงาน dcSpark ยังเปิดเผยต่อว่าพวกเขามีแผนที่จะนำ sidechain ของ Cardano ไปเชื่อมต่อกับเครือขายที่มีเลเยอร์-1 อื่น ๆ ด้วย เช่น Solana ซึ่ง Nico Arqueros CEO ของ dcSpark รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในก้าวแรกของ Cardano ทางด้าน sidechain ในชื่อ Milkomeda
แม้ว่าในตอนนี้ DApps จะเป็นกระแสมาแรงและมีจำนวนมาก ซึ่งได้ขยายไปสู่หลายบล็อกเชนแล้วก็ตาม แต่เครือข่ายเลเยอร์-1 ส่วนใหญ่ยังคงขาดการยอมรับและสภาพคล่อง
Ethereum เป็นแพลตฟอร์ม smart contract ที่ใหญ่ที่สุดและได้กลายเป็นเลเยอร์พื้นฐานสำหรับพื้นที่ DeFi และ NFT ด้วยเหตุผลนี้ทำให้แพลตฟอร์มเลเยอร์-1 แข่งขันกันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งพยายามเสนอความสามารถในการทำงานร่วมกันบางอย่างกับ Ethereum ด้วยความช่วยเหลือของ sidechains หรือเครือข่ายแบบ standalone
อย่างไรก็ตาม Cardano พร้อมที่จะเปิดตัว Alonzo Hardfork ในวันที่ 12 กันยายนนี้ ซึ่งอาจจะตามมาด้วยการเปิดตัวของ dcSpark ในส่วนของ sidechain ซึ่งเป็นที่คาดหวังอย่างสูงสำหรับแฟนคลับของ ADA