<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 อันดับอุตสาหกรรมแรกที่ Blockchain กำลังจะไป Disrupt ในอนาคตอันใกล้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันหากเรามองไปในแวดวงต่าง ๆ ก็จะเริ่มเห็นว่าบริษัทใหญ่ ๆ ของแต่ละอุตสาหกรรมเริ่มหันมาสนใจเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้น เนื่องจากพวกเขาทราบว่าดีว่าหากไม่ปรับตัวตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปตามเวลานั้น บริษัทของพวกเขาต้องล้มจากไปอย่างแน่นอน

สำหรับคนที่ไม่ทราบนั้นเทคโนโลยี Blockchain คือเทคโนโลยีที่สามารถจะทำให้คนที่ไม่รู้จักกันในอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถไว้ใจกันได้ เนื่องจากมันมีความโดดเด่นในเรื่องของความโปร่งใสของข้อมูลในระบบที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Blockchain นั้นมีความสามารถในการที่จะตัดตัวกลางในระบบนั้นออกไป นอกจากนี้มันยังเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังคริปโทเคอร์เรนซี่ที่กำลังเป็นกระแสที่ร้อนแรงอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน

โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะมา Disrupt หรือแทนที่อุตสาหกรรมที่มีการทำธุรกรรมจำนวนมากในอนาคต 5 หรือ 10 ปีที่จะถึงนี้ หรือมีบางอุตสาหกรรมที่ถูก Disrupt อยู่แล้วด้วยในปัจจุบัน

การธนาคารและการชำระเงิน 

ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่า อุตสาหกรรมของการธนาคารนั้นเป็นอุตสาหกรรมที่มีการทำธุรกรรมเกิดขึ้นอย่างมหาศาลในทุก ๆ วัน โดยปกติการทำธุรกรรมออนไลน์นั้นจำเป็นต้องมีคนกลางที่พึ่งพาได้ โดยธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตต่าง ๆ นั้นจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่น่าเชื่อถือ เพื่อทำการยืนยันธุรกรรมและบันทึกลงในระบบให้ โดยพวกเขาก็จะได้ค่าธรรมเนียมไป

แต่ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ที่สามารถสร้างเชื่อใจกันได้ในระบบนั้น ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิตต่าง ๆ ในการทำธุรกรรมออนไลน์, ไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมและมอบข้อมูลการทำธุรกรรมให้อีกต่อไป มีคริปโตเช่น Bitcoin (BTC) หรือ Ripple ( XRP) ที่ผู้ใช้งานสามารถนำคริปโตดังกล่าวทำธุรกรรมหากันได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และแทบไม่เสียค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ก็สามารถโอนเงินหรือทำการซื้อขายกันได้อย่างง่ายดาย โดยมีความปลอดภัยและมีความส่วนตัวที่มากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ในปัจจุบันธนาคารหลายแห่งก็ไม่นิ่งนอนใจ ก็เริ่มนำเทคโนโลยี Blockchain เพื่อพัฒนาระบบธุรกรรมของตนด้วย เช่นธนาคารกรุงศรีในประเทศไทย หรือธนาคาร MUFG ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นต้น

การจัดการ Supply Chain

ในปัจจุบัน ผู้บริโภคนั้นแทบจะไม่มีทางที่สามารถทราบได้เลยว่าอาหารที่พวกเขากินเข้าไป หรือสินค้าที่พวกเขาใช้นั้นมาจากไหน หรือแม้กระทั่งทางฝั่งบริษัทเองก็มีค่าใช้จ่ายในการดูแล, จัดการและติดตามสินค้าไม่น้อยเลยเช่นกัน

หากนำ Blockchain มาใช้ในการดูแล Supply Chain แบบเต็มรูปแบบนั้นบริษัทจะลดค่าใช้จ่ายในการติดตามสินค้าได้เป็นอย่างมากเนื่องจากปกติต้องใช้ระบบที่มีค่าใช้จายสูง ระบบ Blockchain จะสามารถบันทึกที่มาที่ไปของสินค้านั้น ๆ ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องลงในระบบด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากกว่า ทำให้ข้อมูลนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงส่งผลให้มีการโกงและความเสียหายในอุตสาหกรรมมีน้อยลง

ยกตัวอย่างเช่น Supply Chain ของอุตสาหกรรมค้าเพชร ผู้ที่ซื้อเพชรนั้นยอมจ่ายมากกว่าปกติเพื่อซื้อจากแบรนด์ดัง ๆ เนื่องจากพวกเขาอยากมั่นใจว่าเพชรที่ได้มานั้นถูกกฎหมายจริง ๆ ไม่ได้เกิดจากการได้มาแบบผิดกฎหมาย ในส่วนนี้หากนำ Blockchain มาใช้ในการติดตามที่มาที่ไปของเพชรนั้น ๆ ตั้งแต่ต้นสายการผลิตจนถึงปลายสาย ผู้บริโภคจะสามารถตรวจสอบและมั่นใจได้ว่าพวกเขาได้ของแบบถูกกฎหมายมา ซึ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัท IBM ได้จับมือกับริษัทในอุตสาหกรรมเพชรเพื่อนำ Blockchain มาประยุกต์ใช้แล้ว

การบริจาคและมูลนิธิเพื่อการกุศล

หนึ่งในปัญหาและสิ่งที่น่ากังวลที่สุดในอุตสาหกรรมนี้คือการโกงหรือคอร์รัปชั่น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่จะป้องกันหรือแก้ไขปัญหานี้แบบจริงจัง ผู้บริจาคนั้นไม่สามารถที่จะทราบหรือตรวจสอบได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเงินบริจาคนั้นไปถึงที่หมายหรือไม่

แต่ด้วยเทคโนโลยี Blockchain อาจจะมีการระดมทุนบริจาคด้วยคริปโตเช่น Bitcoin ไปยัง Wallet ขององค์กรที่รับระดมทุน และสามารถตามต่อไปได้ว่า Bitcoin ของเรานั้นถูกโอนย้ายไปยังที่ไหน ไปถึงที่หมายหรือไม่ เพราะข้อมูลทุกอย่างจะถูกบันทึกลงไปใน Blockchain และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขยอดใด ๆ ได้เลย ทำให้ทั้งระบบมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น

Blockchain และอนาคต

นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมอีกมากมายที่ Blockchain เข้าไปปฎิวัติได้ แต่ปัจจุบันมันก็ยังติดปัญหาด้าน Scaling อยู่ทำให้ไม่สามาถรองรับการทำธุรกรรมได้เท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามหากแก้ปัญหาดังกล่าวได้ Blockchain จะเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงโลกเราอย่างแน่นอน

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น