<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไมคริปโตถึงเป็นตัวเลือกที่ใช้ในการเรียกค่าไถ่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตั้งแต่ Cryptocurrency ได้รับความนิยมบนโลกนี้ ก็ทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจลงทุนในตัวมัน ไม่ว่าจะเป็นการขุด การเทรด การลงทุน หรือแม้แต่ซื้อขายบนเว็บโบรกเกอร์ต่าง ๆ

และเมื่อกระแสคริปโตในปี 2017 นั้นกำลังบูมและมีราคาที่สูงขึ้นอย่างเช่น Bitcoin ที่มีราคาสูงถึง 20,000 ดอลลาร์ภายในปี 2017 จึงทำให้ผู้คนที่อยู่นอกวงการคริปโตหันมาสนใจลงทุนเป็นจำนวนมาก

นอกจากผู้คนทั่วไปที่สนใจในคริปโตแล้วนั้น ก็มีอาชญากรหรือผู้ร้ายที่ไม่ประสงค์ดีที่เล็งเห็นว่าคริปโตสามารถทำกำไรให้กับพวกเขาได้เช่นกัน

ถ้าลองมองย้อนกลับไป เราจะสังเกตเห็นได้ว่ามีคดีลักพาตัวเกิดขึ้นมากมายหลายครั้งที่เรียกค่าไถ่ด้วยคริปโตแทนเงินสด ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนได้อย่างหนึ่งว่า จริงๆ แล้วคริปโตอาจจะเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากกว่าเงินสดก็เป็นได้ อย่างล่าสุดก็มีข่าวนักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ถูกลักพาตัวได้ประมาณสองเดือน และทางคนที่เรียกค่าไถ่นั้นก็เรียกร้องเป็น Bitcoin ถึงจำนวน 50 BTC ด้วยกัน

หรือแม้แต่เจ้าของเว็บเทรดคริปโตเองก็โดนลักพาตัว และแน่นอนว่าค่าไถ่ที่ถูกเรียกก็คือคริปโตเหมือนกัน โดยถูกเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 1 ล้านดอลลาร์

นอกจากเรื่องการลักพาตัวแล้ว ยังมีการใช้ Malware เช่น Ransomware โจมตีเหยื่อให้ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์และเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดไว้ เพื่อเรียกค่าไถ่ด้วยคริปโตเช่น Bitcoin หรือ Monero เช่นกัน กล่าวคือ ถ้าอยากถอดรหัสที่ถูก Encrypt เอาไว้ ก็ต้องจ่าย Bitcoin ในจำนวนที่เรียกไป

แล้วทำไมถึงเลือกคริปโต

เมื่อก่อนนั้นส่วนใหญ่แล้วการเรียกค่าไถ่ก็จะเรียกในรูปแบบของเงิน ไม่ว่าจะเป็นเงินสดหรือเช็ค หรือแม้แต่สิ่งของ แต่ในปัจจุบันนั้น ต่างก็หันมาสนใจที่จะเรียกค่าไถ่ด้วยคริปโตเสียแล้ว

บอกได้ว่า Cryptocurrency ด้วยความที่ในบางเหรียญนั้นมีความ Privacy สูงเช่นเหรียญ Monero ก็ทำให้คนอื่น ๆ หรือตำรวจนั้นสามารถ Tracking หรือติดตามร่องรอยการขโมยได้เหมือนแต่ก่อนเช่นเงินสดนั้นเอง

เพราะด้วยระบบเก่าหรือเงินสดนั้นมันคือความเป็น Centralized แปลว่าทุกหน่วยงานสามารถติดตามร่องรอยของเงินนั้นได้ และสุดท้ายโจรเหล่านั้นก็อาจโดนจับ

สามารถทำกำไรได้เร็ว

หนึ่งในเหตุผลที่โจรเลือกใช่คริปโตก็คือความผันผวนในราคาของมัน ด้วยความที่ตลาดคริปโตเปิดตลอด 24 ชั่วโมงทำให้มีราคาที่ผันผวนได้มากเช่นภายในหนึ่งชั่วโมงราคา Bitcoin อาจพุ่งสูงเป็น 1,000 ดอลลาร์ก็เป็นได้ หรือแม้แต่ร่วงลง 1,000 ดอลลาร์ได้เช่นกัน

และถ้าสามารถเอาไปขายได้ทันเวลาหรือพอดี ก็ได้เงินทันที และบางเว็บเทรดคริปโตก็ไม่มี KYC (Know-Your-Customer) ก็ยิ่งไม่สามารถจับตัวได้อีก

สรุป

อาชญากรหรือผู้ร้ายที่ไม่ประสงค์ดี เลือกคริปโตในการเรียกค่าไถ่อาจเป็นเพราะพวกเขาเล็งเห็นถึงความสามารถในเทคโนโลยี Blockchain และโอกาสที่สามารถทำกำไรจากมัน แต่อย่างไรก็ตามทางเว็บ Siamblockchain ไม่สนับสนุนการทำทุจริตในทุกรูปแบบ บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น