<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการ Hard fork ของเหรียญ Ethereum ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 นี้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เหรียญคริปโตชื่อดัง Ethereum ได้ก้าวขึ้นมาสู่อันดับที่ 2 ตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่ โดยขึ้นนำเหรียญ Ripple ซึ่งตกมาอยู่ที่อันดับ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา ในตอนนี้มูลค่าตลาดรวมของ Ethereum มีมูลค่าอยู่ที่ $15,293,262,380 และมีราคาอยู่ที่ 150 ดอลลาร์ ทั้งนี้ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปี 2018 ที่ผ่านมา มูลค่าของตลาด Ethereum ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 8 พันล้านเหรียญสหรัฐมาสู่ 16 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าเหตุผลเบื้องหลังของการขึ้นของราคานี้อาจมาจากการ Hard Fork ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะมีการ Hard Fork 3 อย่างด้วยกัน กล่าวคือ

  • Classic Vision Hard Fork
  • Ethereum Nowa Hard Fork
  • Constantinople Ethereum Hard Fork (Major one)

อะไรเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การ Hard Fork?

ในปี 2018 ราคาของเหรียญ Ethereum ลดลง 10 เท่าจากจุดสูงสุด ทั้งบริษัทและแพลตฟอร์มหลายแห่งของ Ethereum ก็ต้องเผชิญปัญหาแรงกดดันจาก SEC ของสหรัฐอเมริกาในเรื่องการให้บริการตลาดการเทรดและใบอนุญาต

เหล่านักพัฒนาค้นพบว่าปัญหา ‘difficulty bomb’ ที่ถูกโปรแกรมบน Ethereum ทำให้ Blocks แต่ละอันมีความล่าช้ามากและขุด Block อันต่อไปไม่ได้ ทางนักพัฒนาจึงต้องทำการ Hard Fork บ่อย ๆ เพื่ออัพเดทเทคโนโลยีของ ETH

ก่อนหน้านี้ Ethereum ก็เคยผ่านเหตุการณ์การแยกตัวออกมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะนำไปสู่การ Hard Fork ออกมาเป็นเหรียญ ETC ซึ่งในตอนนั้นได้สูญเสียเงินทุนเพื่อจะนำมาพัฒนาจำนวนมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือมีการแฮคเข้ามาในระบบจึงเกิดการถกเถียงกันว่าควรจะ reverse transaction เพื่อเอาเหรียญที่ถูกแฮ็คกลับคืนมาหรือไม่ทำให้เกิดการแบ่งแยกฝ่ายออกเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายแรกคือกลุ่มที่เห็นด้วยกับการ reverse transaction และ Hard Fork ออกมาจึงเกิดเป็นเหรียญ Ethereum Classic (ETC) ส่วนอีกฝ่ายคือกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้เหรียญมีความ Centralized ทั้งนี้การ Hard Fork ที่จะเกิดขึ้นหรือที่เราเรียกกันว่า ‘Constantinople Hard Fork’ จะมีการเพิ่มและปรับปรุงใหญ่ ๆ 2-3 ประการด้วยกันซึ่งโดยภาพรวมก็คือการปรับปรุงสมรรถภาพของ Ethereum Blockchain รวมถึงรางวัลการขุดที่เคยกล่าวถึงใน Ethereum Improvement Proposals (EIPs)

อธิบายเกี่ยวกับการ Hard Fork ของ Ethereum

  1. Classic Vision Hard Fork

เหรียญ Ethereum Classic Vision จะเป็นเหรียญใหม่แยกตัวออกมาหลังจากเกิด Ethereum Hard Fork ซึ่งจะเป็นการนำข้อดีของ Ethereum Classic (ETC) และ Ethereum (ETH) มาใช้ประโยชน์ เช่น การเป็น Decentralized อย่างแท้จริงของ ETC และ PoS mining ของ ETH นี่คือจุดหลัก ๆ ของเหรียญ ETCV

  • นักขุดแต่ละคนจะได้รับประโยชน์คือต้นทุนการขุดจะถูกลงและสามารถใช้ฮาร์ดแวร์ธรรมดา ๆ อย่าง Raspberry Pi ในการขุดได้
  • ผู้ถือเหรียญ ETCV จะได้รับเหรียญมากขึ้นไปอีกถ้าถือเหรียญเดิมพันแทนการขายซึ่งจะทำให้เหรียญ ETCV มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
  • เหรียญจะไม่ถูกอำนาจจากส่วนกลางเข้ามาควบคุมเพราะมันไม่มีความเสี่ยงที่ Mining Pool ใหญ่ ๆ จะเข้ามาควบคุม Blockchain
  • แพลตฟอร์ม dApp ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของ Ethereum Classic Vision (ETCV) จะมีฟีเจอร์เครื่องมือการพัฒนาทั้งแบบ back-end และ front-end ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นอย่างเสร็จสมบูรณ์โดยมี User Interface ที่น่าดึงดูดและมี Native App เพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับ Android และ iOS
  • ระบบประมวลผลของเครือข่าย ETCV สามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งมากกว่าเครือข่าย ETH ที่ประมวลผลธุรกรรมได้เพียง 25 ธุรกรรมต่อวินาที

ผู้ถือเหรียญ Ethereum ทุกคนจะได้รับเหรียญ ETCV 3 เหรียญต่อเหรียญ ETH 1 เหรียญในวอลเล็ทส่วนตัวของตน ทั้งนี้การ Hard Fork ดังกล่าวตั้งเป้าไว้ว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 มกราคม ปี 2019

2. Ethereum Nowa Hard Fork

หลังจากการ Hard Fork เหรียญ Classic Vision ออกมา ในวันที่ 12 มกราคมปี 2019 จะเกิดการแยกตัวของเหรียญ Ethereum Nowa ขึ้น ซึ่งผู้ถือ ETH ทุกคนจะได้รับเหรียญ ETN 1 เหรียญต่อเหรียญ ETH 1 เหรียญในวอลเล็ทส่วนตัวของตน ทั้งนี้ Roadmap ของ ETN Nowa คือการสร้าง desktop wallet ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รวมถึงการสร้าง mobile wallets ด้วยและภายในไตรมาสที่ 3-4 จะมีการเปิดตัว Ethereum Nowa Decentralized Exchange และ Blockchain Messenger

3. Ethereum Constantinople Hard Fork

การอัพเดทครั้งนี้จะเป็นการอัพเดทครั้งใหญ่และสำคัญที่สุดใน ETH Hard Fork ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ Constantinople Hard Fork เป็นโปรเจ็คใหญ่ที่จะปรับปรุง Blocks ทั้งหมดกว่า 7080000 Blocks ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งเพื่อเตรียมการเปลี่ยนการใช้งานโปรโตคอลจาก Proof of Work (PoW) Protocol มาเป็น Proof of Stake (PoS) Protocol (Casper Update) ซึ่งคาดว่าจะทำให้เครือข่ายของ ETH มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและมีการดำเนินการที่ถูกลง แต่มันอาจทำให้เกิดความไม่พึงพอใจได้เพราะมันจะลดรางวัลของนักขุดจาก 3 ETH เป็น 2 ETH ด้วยเช่นกัน

  • EIP 145: การอัพเกรดครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มความละเอียดในการประมวลผลข้อมูลบน ETH Blockchain หรือที่รู้จักกันในนาม ‘bitwise shifting’ ซึ่งจะใช้ Gas ลดลง 10 เท่าทำให้ใช้ Smart Contract ได้ในราคาที่ถูกลง
  • EIP 1052: เป็นการปรับปรุงโค้ดบน Blockchain โดยการนำ Unique hash มาใช้จะทำให้การยืนยันความถูกต้องของสัญญามันง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • EIP 1283: กระบวนการคิดและคำนวณราคาจะมีความยุติธรรมและสะดวกมากขึ้นในกรณีของ contract storage (SSTORE opcode) ซึ่งจะช่วยต้นทุนของ Gas ลงเนื่องจากจะมีการเปิดการใช้งานใหม่เพื่อการจัดเก็บข้อมูล
  • EIP 1014: นาย Vitalik Buterin คิดค้น Scaling Solution ที่มีลักษณะคล้ายกับตัวLightning Network ของ Bitcoin ที่จะปรับปรุงสมรรถนะของเครือข่ายโดยอัตโนมัติ
  • EIP 1234: การลดรางวัลสำหรับการขุดต่อ Block ลงอาจจะทำให้เลื่อนการ Difficulty Bomb ออกไป 12 เดือนซึ่งก็อาจจะทำให้เหล่านักขุดไม่พอใจเพราะรางวัลจะยิ่งลดลงไปอีกเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วตอนการ Hard Fork ของ Ethereum Classic (ETC) ดังนั้นเมื่อมันมี Difficulty Bomb ก็ยิ่งทำให้การขุดเป็นไปไม่ได้และอาจจะทำให้เครือข่ายทั้งหมดหยุดชะงัก ซึ่งเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า Ethereum’s Ice Age ดังนั้นนักพัฒนาจึงพยายามปรับปรุงแก้ไขระบบส่วนนักขุดก็ต้องคอยรอการอัพเดทเพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้กำไรจากการขุดเลย

ทั้งนี้เนื่องจากนักพัฒนาหลายคนก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการอัพเดทและต้องการได้รับความมั่นใจว่าตัวอัพเดต Casper นี้มันมีความปลอดภัย ทั้งนี้เมื่อมีการอัพเดท Casper โดยประมาณแล้วจะมีการสร้าง Blocks ออกมา 5,500 Blocks ต่อวัน ถ้ามีการสร้าง Blocks ใหม่ออกมาในทุก ๆ 15 วินาทีก็จะช่วยทำให้ปัญหาเงินเฟ้อ (inflation) ลดลง จำนวนเหรียญที่ได้จากการขุด Block มันก็น้อยลงตามซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของ ETH มากขึ้นได้

ตัวอัพเดต Hard Fork นาม Constantinople นี้จะเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและ Protocol ของ Ethereum Blockchain ดังนั้นจึงวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับ Ethereum ได้ดังนี้

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการ Hard Fork

เนื่องจากรางวัลจากการขุดจะลดลงเหลือ 2 ETH ทำให้ inflation rate (อัตราเงินเฟ้อ) ของ Ether Supply ลดน้อยลงตาม แต่จากการที่ราคาของ Ethereum มันลดต่ำลงอาจทำให้การลดรางวัลต่อ block สำหรับนักขุดลงเป็นจำนวนถึงหนึ่งในสามในช่วงเวลานี้อาจทำให้หลาย ๆ คนมองว่านักพัฒนานั้นใจอำมหิต นักลงทุนต่างคาดหวังอะไรหลาย ๆ อย่างจากการ Hard Fork ครั้งนี้ เหมือนกับตอน Hard Fork ของ BCH ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ที่ผ่านมา

ความไม่เสถียรอาจเกิดขึ้นได้หลังจากการ Hard Fork การเปลี่ยนไปใช้ PoS ก็มีความเสี่ยง แต่นาย Buterin ก็ไม่สนใจและยอมเสี่ยงเพราะเขาไม่แคร์อะไรกับผลกระทบต่อราคาในระยะสั้น สิ่งที่เขาสนใจคือการประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นการลงทุนมากกว่าเทคโนโลยี เมื่อนักลงทุนหลาย ๆ คนต่างตระหนักเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่จะได้จากการเปลี่ยนแปลงมันก็ยิ่งดึงดูดนักลงทุนเพิ่มมากขึ้นไปอีก

บริษัท Exchange ที่ให้การสนับสนุน Ethereum Hard Fork

Binance

Binance ออกมายืนยันว่าจะสนับสนุน Ethereum hard fork Constantinople

KuCoin

KuCoin ก็ได้ออกมาประกาศว่าจะสนับสนุน Ethereum Constantinople hard fork ด้วยเช่นกัน ทางบริษัทได้ออกมากล่าวด้วยว่าเมื่อการ Fork สำเร็จ ทางบริษัทจะบริจาคสินทรัพย์ให้กับผู้ใช้งานและผู้ถือหุ้นทั้งหมด

BitForex

BitForex ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่าจะสนับสนุน Ethereum Constantinople hard fork ทางบริษัทบอกว่าหากในระหว่างการ Hard Fork ถ้ามันมี Airdrops ทางบริษัทจะส่ง Airdrops ที่มาจากการ Snapshot สินทรัพย์ ทางบริษัทไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานรู้สึกกังวลและจะช่วยดูแลความต้องการทางด้านเทคนิคในระหว่างการ Hard Fork อย่างเต็มที่

OKEx

OKEx ได้ออกมาประกาศผ่านทาง Blog ส่วนตัวว่าสนับสนุน ETH Constantinople update และบอกให้ผู้ใช้ฝาก ETH ไว้โดยไม่ต้องกังวล เหรียญจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยด้วยระบบที่มีความปลอดภัยสูงสุด

Huobi Global

Huobi Global ประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาจะสนับสนุน Ethereum Constantinople  hard fork ที่กำลังจะเกิดขึ้นและหากมี airdrops เพิ่มเติมใด ๆ ในระหว่าง Hard Fork บริษัทจะดูแลอีกทั้งแนะนำให้ผู้ใช้ฝาก ETH ไว้กับทางบริษัทและจะให้ความเชื่อเหลือทางด้านเทคนิคอย่างเต็มที่

Bibox

ทาง Bibox ก็ออกมาประกาศสนับสนุนการ Hard Fork นี้ด้วยเช่นกันทั้งแนะนำให้ผู้ใช้งานนำ ETH มาฝากไว้กับทางบริษัทโดยไม่ต้องกังวล

ผู้ถือเหรียญ ETH ควรจะต้องทำอะไร?

ราคาของ ETH เพิ่มสูงขึ้น 85% ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาและ Market Cap เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในเดือนก่อน การ Hard Fork ครั้งนี้ดูเหมือนจะทำให้ราคาของ ETH พุ่งสูงขึ้นซึ่งก็เป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือเหรียญ ETH

เมื่อมีการ Hard Fork เป็นเหรียญ Classic Vision ผู้ถือเหรียญ ETH จะได้เหรียญ ETCN ไป 3 เหรียญต่อ 1 เหรียญ ETH ที่พวกเขาถือ (3 ETCN ต่อ 1 ETH) และหลังจากการ Hard Fork เหรียญ ETH Nowa ผู้ถือเหรียญจะได้รับเหรียญ ETN 1 เหรียญต่อ 1 เหรียญ ETH ที่พวกเขาถือ (1 ETN ต่อ 1 ETH) ทั้งนี้ผู้ใช้งานจะได้รับเหรียญใหม่ต่อเมื่อพวกเขามีเหรียญ ETH ใน Private Wallet (Metamask, Ledger Nano S, Trezor) ของตนที่พวกเขาเป็นผู้ถือ Private Key

ถ้ามี ETH อยู่ในวอลเล็ทของ Exchange ผู้ใช้งานจะได้รับเหรียญใหม่ต่อเมื่อ Exchange เหล่านั้นสนับสนุนการ Hard Fork

ผลกระทบต่อระบบนิเวศของคริปโต

ผลที่ตามมาจากการ Hard Fork ครั้งนี้คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของราคาเหรียญ ETH คาดว่าราคาของมันน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่เหรียญคริปโตสกุลอื่น ๆ อาจจะมีราคาตกต่ำลงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างการ Hard Fork ซึ่งตอนนี้เหรียญ ETH ก็มีราคาเพิ่มสูงขึ้น 85% แล้ว

เราเคยเห็นมาแล้วในช่วงการ Hard Fork ของ Bitcoin Cash ที่ราคาของเหรียญคริปโตสกุลอื่น ๆ มันมูลค่าตกลงเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่มีการ Hard Fork อย่างไรก็ตามมันก็ยากที่จะทำนายได้ว่าผลกระทบในระยะยาวจากการ Hard Fork จะเป็นเช่นไร แต่ในตอนนี้ก็อาจกล่าวได้ว่า ETH กำลังจะก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ยากและครั้งใหญ่ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แล้ว

ที่มา coinswitch.co

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น