Facebook นั้นได้ซุ่มพัฒนาโครงการเหรียญ cryptocurrency ของพวกเขามาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว และดูเหมือนว่าเวลาที่ใช้ไปของพวกเขานั้นไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว เมื่อมีบริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกต่างก็เริ่มออกมาตบเท้าให้การสนับสนุนเหรียญคริปโตดังกล่าวของทาง Facebook แล้ว
รายงานล่าสุดจาก Wall Street Journal เผยว่าเหรียญคริปโตของ Facebook นั้นจะถูกรันอยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ (consortium) ที่เรียกว่า Libra Association (ซึ่งจะตรงกับชื่อโครงการ Libra ที่เคยรายงานไปแล้วก่อนหน้านี้) ซึ่งนั่นจะรวมถึง Visa, Mastercard และ PayPal แต่ทว่าก็ยังมีรายงานจาก The Block ที่ชี้ให้เห็นว่านอกจากบริษัทใหญ่ ๆ เหล่านั้นแล้ว ยังมีบริษัทดัง ๆ ที่น่าสนใจอื่น ๆ อย่างเช่น Andreessen Horowitz และ Union Square Ventures, นอกจากนี้ยังมีเว็บกระดานซื้อขายคริปโตอย่าง Coinbase, และองค์กรไม่แสวงผลกำไรอย่าง Mercy Corps อีกด้วย ที่น่าสนใจคือยังมีองค์กรที่ Facebook สร้างขึ้นมานามว่า Calibra ซึ่งจะถูกแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในการดูแลสกุลเงินคริปโตของ Facebook อีกด้วย
ภาพด้านล่างนี้เผยให้เห็นถึงสมาชิกภายใต้สมาคม Libra ของ Facebook ที่พวกเขาจะประกาศในวันอังคารนี้
ก่อนหน้านี้ยังมีรายงานที่เผยอีกว่าผู้ที่จะเข้ามาร่วมถือ node ในการยืนยันธุรกรรมบน blockchain ของเหรียญ GlobalCoin ของ Facebook นั้นจะต้องจ่าย 10 ล้านดอลลาร์ต่อ node ซึ่งผู้ที่ถือ node นั้นจะสามารถเข้าถึงและดูสถานะของเครือข่ายของเหรียญได้ ก่อนหน้านี้ทาง Facebook มีแนวคิดที่จะชักชวนให้นักลงทุนจาก Wall Street อย่างเช่นธนาคาร Goldman Sachs และ JPMorgan เข้ามาร่วมลงทุนด้วย แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ทว่าสมาคม Libra นั้นก็มีสมาชิกกว่า 100 คนภายในนั้นเรียบร้อยแล้ว
และนี่ก็คือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับโครงการของ Facebook
เงินทุนของนายทุนบริษัทที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อหนุนหลังเหรียญที่ว่านี้ และจะถูกนำมาผูกไว้กับตระกร้าสกุลเงินหลาย ๆ สกุลเงิน
ซึ่งหากเป็นไปได้ดี Facebook ก็จะมีเม็ดเงินที่มาหนุนหลังจากบริษัท 100 บริษัทถึง 1 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว และผู้ที่เปิด node ที่ว่านี้ก็จะได้ที่นั่งในสมาคม Libra ในฐานะเป็นผู้ถือ node อีกด้วย
ก่อนหน้านี้รายงานเกี่ยวกับเหรียญ cryptocurrency ของ Facebook นั้นเริ่มมีขึ้นประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2018 เมื่อมีรายงาน ที่เผยว่าบริษัท Facebook นั้นเริ่มที่จะกระโดดเข้ามาในโลกของ Blockchain แล้ว ซึ่งภายหลังจากนั้นทาง Facebook ก็ได้ออกมาประกาศให้นาย David Marcus เป็นรองประธานของแอพ Messenger โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นหนึ่งในบอร์ดผู้บริหารของบริษัท Coinbase มาก่อน
ภายหลังจากนั้น ทาง Facebook ก็ได้ขยายผลโครงการ Libra ของพวกเขาด้วยการเข้าไปะูดคุยกับบริษัทหลายแห่งทั่วโลก
ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง Facebook ได้เข้าไปจดทะเบียนบริษัทในเมืองเจเนวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อพัฒนา blockchain นอกจากนี้ทางสยามบล็อกเชนก็เคยรายงานไปแล้วว่าทาง Facebook จะเปิดให้ใช้งานเหรียญ Globalcoin ของพวกเขาในช่วงไตรมาสแรกปี 2020 และมีแผนการในการทดสอบเหรียญดังกล่าวในปีนี้ก่อน
นอกเหนือจากข่าวการเปิดตัว whitepaper ในวันที่ 18 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ยังมีข่าวลืออีกด้วยว่าทาง Facebook ยังได้โพสต์โฆษณารับสมัครงานด้าน blockchain อีกด้วย
เหรียญ GlobalCoin นั้นอาจะถูกนำมาใช้ในแอพในด้านการจ่ายเงินอย่างเช่น Messenger โดยก่อนหน้านี้ทาง Bloomberg ได้รายงานว่าเหรียญดังกล่าวนั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นสื่อกลางในการโอนเงินระหว่างแอพ Messenger นอกจากนี้สำนักข่าว New York Times ยังได้รายงานว่าทาง Facebook นั้นได้มีการพูดคุยว่าจะมีการขายเหรียญคริปโตของพวกเขาให้กับผู้บริโภคอีกด้วย
ซึ่งหากนี่เป็นเรื่องจริง เหรียญดังกล่าวนั้นน่าจะต้องมีความต้องการจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก หากพิจารณาถึงจำนวนของผู้ใช้งานแพลทฟอร์ม Facebook ทั่วโลกที่กำลังโพสต์ซื้อขายสินค้ากันผ่านแพลทฟอร์มดังกล่าว
บทความที่น่าสนใจ: 3 อาชีพที่จะได้ประโยชน์จาก Facebook Coin โดยตรง
แม้ว่า white paper นั้นจะยังไม่ถูกเผยแพร่ออกมา แต่ก็เริ่มมีความกังวลในแง่ของกฎหมายที่โผล่ขึ้นมาแล้ว โดยบทความหนึ่งที่ถูกเผยแพร่โดยสำนักข่าว Wall Street Journal เผยว่า Facebook นั้นกำลังเริ่มมองหานักลงทุนเพื่อมาช่วยสนับสนุนเหรียญคริปโตของพวกเขา ซึ่งภายหลังจากนั้นคณะกรรมการการธนาคารในสหรัฐฯได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปให้ผู้ก่อตั้ง Facebook นาย Mark Zuckerberg เพื่อสอบถามว่าเหรียญดังกล่าวนั้นทำงานอย่างไร นอกจากนี้คณะกรรมการกำกับตลาดฟิวเจอร์แห่งสหรัฐฯอย่าง Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times ว่าในขณะนั้นพวกเขาก็ยังไม่ได้รับรายละเอียดที่มากนักเกี่ยวกับเจ้าเหรียญที่ว่านี้
นอกจากนี้ Facebook ยังได้มีการดึงตัวผู้บริหารจากธนาคาร Standard Chartered อย่างนาย Ed Bowles เข้ามาร่วมทีมเพื่อพัฒนาเหรียญคริปโตดังกล่าวอีกด้วย
แผนภูมิด้านล่างนี้เผยให้เห็นถึงสมาคม Libra ของ Facebook ที่มีการแบ่งแยกตามลักษณะองค์กร
อุตสาหกรรม Blockchain
- Coinbase – ผู้ให้บริการด้านกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโต
- BisonTrails – ผู้ให้บริการด้านระบบ infrastructure สำหรับลูกค้าองค์กร ซึ่งแพลทฟอร์มของพวกเขามีฟีเจอร์อย่างเช่นการ staking, การยืนยัน, การโหวต, การทำธุรกรรม และรวมถึงระบบ blockchain protocol
- Xapo – ผู้ให้บริการในการเก็บเหรียญคริปโต
- Anchorage – ผู้ให้บริการด้านการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล
E-commerce
- Ebay – ผู้ให้บริการด้านอีคอมเมิซชื่อดังระดับโลก
- Mercado Pago (MercadoLibre) – ร้านค้าอีคอมเมิซสัญชาติอาร์เจนตินา
- Farfetch – แพลทฟอร์มออนไลน์ด้านแฟชันหรู
บริษัทด้านการลงทุน
- Andreessen Horowitz – บริษัทด้านการลงทุน venture capital ก่อตั้งโดยนาย Marc Andreessen และ Ben Horowitz
- Union Square Ventures – บริษัทด้านการลงทุนจากนิวยอร์ค
- Creative Destruction Lab – บริษัทด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการ scale ระบบ
- Ribbit Capital – บริษัทด้านการลงทุนบริษัทสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง
- Thrive Capital – บริษัทด้านการลงทุนที่โฟกัสไปในด้านอินเทอร์เนต และซอฟต์แวร์
องค์กรไม่แสวงผลกำไร
- Women’s World Banking – ใช้เครือข่ายขององค์กรด้านการเงินขนาดเล็กกว่า 40 แห่ง และธนาคารเพื่อช่วยสนับสนุนนักลงทุนในประเทศที่ยังไม่พัฒนา โดยจะเน้นย้ำไปที่เพศหญิง
- Kiva – องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่จะให้นักลงทุนที่มีรายได้ต่ำสามารถกู้เงินได้ในประเทศกว่า 80 แห่งทั่วโลก
- Mercy Corps – องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ช่วยสนับสนุนประเทศที่ประสบภัยพิบัติกว่าทั่วโลก
ผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงิน
- Visa – บริษัทผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงินระดับโลก
- Stripe – บริษัทด้านเทคโนโลยีที่ให้บริการการส่งเงินผ่านอินเทอร์เน็ต
- PayPal – บริษัทที่ให้บริการด้านการโอนเงินระดับโลก
- PayU – ช่วยเหลือภาคธุรกิจในการประมวลผลธุรกรรมระหว่างประเทศ
- Mastercard – บริษัทผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงินระดับโลก
ผู้ให้บริการด้าน ride share
- Lyft
- Uber
โซเชียลมีเดีย
- Facebook (Calibra) – องค์กรที่ถูกสร้างโดย Facebook เพื่อโปรเจ็ค Libra
การสื่อสาร
- Vodafone
- Illiad
- Booking Holdings
ที่มา: theblockcrypto
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น