<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance แบนผู้ใช้แคนาดาและสหรัฐฯไม่ให้เข้าถึงแพลตฟอร์ม สิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับไทยด้วยหรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ภายหลังจากที่เมื่อไม่นานนี้ มีข่าวรายงานเกี่ยวกับเว็บเทรดเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Binance ที่ออกสั่งแบนผู้ใช้ในรัฐออนแทรีโอของแคนาดา, อังกฤษ และสหรัฐฯ ไม่ให้เข้าถึงแพลตฟอร์มของตน เนื่องจากกฎระเบียบที่เริ่มมีการคุมเข้มกับเว็บเทรดคริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นแรงกระเพื่อมในวงกว้าง และล่าสุดนั้นก.ล.ต ของประเทศไทยก็ได้ออกมาประกาศกล่าวโทษ Binance ด้วยเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะไม่ใช่เพียงแค่เรื่องบังเอิญ

สิ่งเกิดขึ้นทำให้นักเทรดชาวไทยหลายคนเริ่มกังวลแล้วว่า ในไม่ช้าประเทศไทยอาจถูกสั่งระงับการเข้าถึงจากแพลตฟอร์มเว็บเทรด Binance เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ โดยในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้กันว่า ประเทศไทยนั้นจะถูกหางเร่ไปด้วยหรือไม่

ก.ล.ต. ไทยประกาศกล่าวโทษ Binance ให้บริการโดยผิดกฎหมาย เตรียมดำเนินคดี

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ของทาง ก.ล.ตได้ออกมาประกาศว่า :

“ก.ล.ต. กล่าวโทษ Binance ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสและตรวจพบว่า Binance ได้มีการให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการจับคู่หรือหาคู่สัญญาให้ หรือการจัดระบบหรืออำนวยความสะดวกให้ผู้ซึ่งประสงค์จะซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถทำความตกลงหรือจับคู่กันได้ผ่านเว็บไซต์ของ Binance โดยมีการชักชวนให้ประชาชนและผู้ลงทุนไทยเข้าใช้บริการไม่ว่าจะทางเว็บไซต์ของ Binance และเพจเฟซบุ๊ก Binance Thai Community และเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2564 ก.ล.ต. ได้มีหนังสือไปยัง Binance ให้ชี้แจงข้อมูลต่อ ก.ล.ต. แต่ Binance ไม่ได้ชี้แจงภายในระยะเวลาที่กำหนด

การกระทำของ Binance ข้างต้นเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 26 ซึ่งเป็นความผิดและมีโทษตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ก. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษ Binance ต่อ บก.ปอศ. เพื่อให้สอบสวนและดำเนินคดีต่อไป”

จากข้อความข้างต้นนั้น ดูเหมือนว่าก.ล.ตของประเทศไทยกำลังต้องการปกป้องนักลงทุนจากเพจเฟซบุ๊ก Binance Thai Community ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างนักเทรดชาวไทยและเว็บเทรด Binance หรือบุคคลที่ไม่หวังดีคนอื่น ๆ ที่อาจตั้งตัวเองขึ้นเป็นตัวแทนของ Binance เพื่อเข้ามาหลอกลวงนักลงทุนได้ในอนาคต และได้มีการกล่าวโทษไปยังเว็บเทรด Binance ที่ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในเรื่องนี้

ประเทศไทยจะถูกหางเร่ไปด้วยหรือไม่

ภายหลังจากที่มีข่าวการแบนผู้ใช้งานในประเทศใหญ่ ๆ หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นข่าว ธนาคารในอังกฤษแบนที่ไม่ให้ประชาชนซื้อ Bitcoin จาก Binance, ข่าวการแบนไม่ให้ผู้ใช้ในรัฐออนทาริโอเข้าถึงเว็บเทรด หรือแม้แต่ หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศอังกฤษที่สั่งให้ Binance หยุด ‘กิจกรรมที่มีการควบคุม’ ในประเทศ ไปจนถึงรายงานล่าสุดของก.ล.ต ประเทศไทย 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เริ่มทำให้นักเทรดและนักลงทุนชาวไทยหลายเกิดความกังวลกันว่า พวกเขาอาจถูกปิดกั้นการเข้าถึงเว็บเทรด Binance เช่นเดียวกันกับประเทศที่กล่าวไปข้างต้น

อย่างไรก็ตามนักเทรดบางคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า หาก Binance ทำการแบนผู้ใช้ชาวไทยขึ้นมาจริง ๆถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงสามารถหาวิธีเข้างานเว็บเทรดได้เช่นเดิม ยกตัวอย่างเช่น หากเว็บเทรดใช้กฎเกณฑ์การตรวจสอบผู้ใช้งานจากข้อมูลการยืนยันตัวตน KYC บนเว็บเทรด พวกเขาก็แค่ทำการสมัครบัญชีใหม่ได้ที่ไม่ต้องทำการยืนยัน KYC เพียงเท่านั้นพวกเขาก็จะสามารถเข้าเทรดได้ตามปกติ แต่อาจจะมีข้อจำกัดบางประการในเรื่องวงเงินเทรด

นอกจากนี้ยังมีสมุมุติฐานที่ว่า Binance อาจมีความเกรงกลัวต่ออิทธิพลด้านกฎระเบียบคริปโตของประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ, อังกฤษ หรือแคนาดา ซึ่งต่างจากกรณีของประเทศไทยที่ยังคงมีท่าทีที่อ่อนข้อให้กับคริปโตอยู่บ้าง อีกทั้งกรณีการกล่าวโทษเว็บเทรด Binance ล่าสุดนั้นยังเป็นเพียงแค่การแสดงให้เห็นว่า เว็บเทรด Binance ไม่ได้มีกระตือรือร้นที่จะหาทางออกร่วมกับทางประเทศไทย 

ซึ่งนั้นหมายความหากเว็บเทรด Binance ได้มีการชี้แจงรายละเอียดกับทางก.ล.ต หรือ จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มันก็อาจเป็นไปได้ที่ก.ล.ต จะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อพวกเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือ  

ทั้งนี้การต่อสู้ระหว่าง Binance กับหน่วยงานกำกับดูแลอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับ Crypto เท่านั้น ซึ่งเราก็ยังคงติดตามดูกันต่อไปว่า Binance จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้อย่างไร