<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำไม Bitcoin จะกลายมาเป็น ‘มาตรฐานทองคำ’ ตัวใหม่ในอีก 50 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ย้อนกลับไปในปี 1971 ประธานาธิบดีนิกสันของสหรัฐฯ ได้ประกาศเลิกใช้ระบบทองคำหนุนหลังเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรก และปรับลดค่าเงินดอลลาร์ลง แต่สิ่งนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลการชำระเงินของสหรัฐอเมริกาได้

จนกระทั่งในช่วงต้นปี 1973 ค่าเงินดอลลาร์ถูกโจมตีอีกครั้งจนเกิดแรงกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงค่าเงินดอลลาร์อีกครั้งหนึ่งเป็น $42.22 ต่อทองคำ 1 ออนซ์และนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 1973 ประเทศพัฒนาแล้วทั้งหมดและประเทศกำลังพัฒนาในหลายประเทศก็ได้เริ่มเปลี่ยนมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ต่อมาในปี 1978 หลังจากการให้สัตยาบันภายใต้ข้อตกลงจาไมก้า (Jamaica Accords) ซึ่งรับรองให้อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวเป็นระบบทางการจนนำไปสู่การยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้ประเทศต่างๆ มีอิสระในการเลือกระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศได้ด้วยตนเอง

แน่นอนว่านับแต่นั้นเงินดอลลาร์ใหม่ก็ได้เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ระบบการเงินอย่างมหาศาล  เป็นผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากอัตราคงที่ที่ราว 35 ดอลลาร์ในทศวรรษที่ผ่านมาเป็นมากกว่า 2,000 ดอลลาร์เมื่อเร็วๆ นี้

จากกราฟข้างต้นเห็นได้ว่าราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น แต่กลับเป็นราคาของเงินดอลลาร์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับมาตรฐานทองคำ 

มาตรฐานทองคำใหม่ในอีก 50 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามในวันนี้สิ่งต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคดิจิทัลที่เหรียญต่าง ๆ นั้นแทบไม่มีการแลกเปลี่ยนกันที่ร้านค้าหรือธนาคาร และตลาดได้เริ่มนำเสนอมาตรฐานใหม่ที่มีชื่อว่า Bitcoin

จากกราฟข้างต้น เราจะเห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการเติบโตของมูลค่าระหว่างทองคำและ BTC ซึ่งมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันกับทองคำและเงินดอลลาร์ นับตั้งแต่ปี 1971

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ที่มาตรฐานทองคำยังคงมีอยู่เพราะไม่มีระบบการเงินที่ดีกว่า แต่วันนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้นและนำมาตรฐานใหม่มาให้กับโลก