<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ประเทศยูเครนระดมทุนผ่าน NFT ได้มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อนำมาฟื้นฟูโบราณสถาน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ยูเครนขาย NFT ไปได้ทั้งหมด 1,282 ตัวในวันแรกของการขายซึ่งได้รายได้รวม 190 Ether (ETH) ซึ่งเท่ากับประมาณ 655,000 ดอลลาร์ในขณะที่เขียนอยู่นี้ อ้างอิงจาก Bloomberg News ที่อ้างถึงอีเมลจากกระทรวงดิจิทัลของประเทศ

ทางยูเครนตั้งใจที่จะใช้เงินที่ได้รับเพื่อมาบูรณะสถานที่ทางวัฒนธรรมและมรดกของประเทศเช่นพิพิธภัณฑ์และโรงละครที่ถูกทำลายท่ามกลางสงครามกับรัสเซีย

MetaHistory NFT-Museum ของยูเครนทวีตความคืบหน้าของการขายตลอดทั้งวันด้วยยอดสาธารณะล่าสุดที่ประกาศที่ 1,153 NFTs โดยขายได้มากกว่า 500,000 ดอลลาร์ ประเทศยังประกาศด้วยว่าจะแจก NFT ตัวที่อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งรายการฟรีเพื่อเฉลิมฉลองการทำยอดขายเกินครึ่งล้าน

นอกจากนี้ META HISTORY ยังได้ประกาศว่าเฉพาะผู้ที่เป็นเจ้าของหนึ่งใน NFTs เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ซื้องานศิลปะที่มีโอกาสชนะ 100 ชิ้น รวมถึงผลงานศิลปะสี่ชิ้นแรกที่สร้างขึ้นภายใต้โครงการ

https://twitter.com/Meta_History_UA/status/1509589635130920960

ยูเครนเชื่อมั่นใน crypto ท่ามกลางสงคราม

เมื่อรัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ผู้คนจากทั่วโลกเริ่มบริจาคคริปโต (crypto) ให้กับ NGOs ต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือในการทำสงคราม ยูเครนได้กระโดดเข้ามาในวงการอย่างรวดเร็วและเริ่มโพสต์ที่ address คริปโตอย่างเป็นทางการที่ผู้คนสามารถบริจาคได้

https://twitter.com/Ukraine/status/1497594592438497282

ภายหลังจากนั้นผู้คนในวงการคริปโตก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และบริจาคเงินจำนวนนับล้านในสกุลเงินดิจิทัลและแม้กระทั่ง NFTs โดยเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลระบุว่าประเทศได้รับ crypto มากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มสงคราม

ขณะนี้ยูเครนยอมรับการบริจาคในสกุลเงินดิจิทัลจำนวนมาก และเป็นอันดับที่สี่ของโลกในแง่ของการยอมรับ นอกจากนี้ยังยอมรับอย่างเป็นทางการว่า crypto เป็นทรัพย์สินทางกฎหมายในขณะนี้

หลังจากการบริจาคจำนวนมาก ยูเครนกล่าวว่าจะดำเนินการ airdrop สำหรับทุกคนที่บริจาค ETH อย่างไรก็ตาม หนึ่งวันต่อมา ประเทศได้ยกเลิกแผนการออกคริปโตเคอเรนซีอย่างเป็นทางการ และกล่าวว่าจะมุ่งเน้นที่การออก NFT เพื่อระดมทุนแทน

Bitcoin เป็นเครื่องมือด้านมนุษยธรรม

พลเมืองของทั้งยูเครนและรัสเซียหันไปใช้คริปโตเพื่อพยายามรักษาความมั่งคั่งของพวกเขาเมื่อระบบการเงินของพวกเขาพังทลายท่ามกลางสงครามและการคว่ำบาตร

ในขณะนั้น หัวหน้าเจ้าหน้าที่กลยุทธ์ของมูลนิธิสิทธิมนุษยชน Alex Gladstein กล่าวว่า Bitcoin (BTC) เป็น “เครื่องมือด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ” ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่รุนแรง เช่น สงคราม

แกลดสเตน กล่าวว่า:

“ความจริงก็คือมันไม่สามารถถูกอายัดได้, ไม่สามารถถูกเซ็นเซอร์ได้ และความจริงที่ว่ามันสามารถถูกใช้ได้โดยไม่มี ID นั้นสำคัญมาก”