ราคาของ Ethereum พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,822 ดอลลาร์ ในช่วงเมื่อวานนี้ ( 5 มีนาคม) หลังจากราคามีการปรับเพิ่มขึ้น 8% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ Ethereum กลายเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ใหญ่เป็นอันดับสองตามมูลค่าของตลาดที่มีการปรับเพิ่ม 15% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และปรับตัวเพิ่มอีก 132% ในช่วง 6 เดือนที่แล้ว
ข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ TradingView แสดงให้เห็นว่าราคาของ Ethereum อยู่ที่ประมาณ 3,796 ดอลลาร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 28% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,891 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2021
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา Ethreum ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายรายวันปรับเพิ่มขึ้น 68% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 33.29 พันล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่าตลาดที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (453 พันล้านดอลลาร์) ส่งผลให้ Ethreum ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดมากเป็นอันดับสอง ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap
นอกเหนือจากแนวโน้มขาขึ้นในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ได้รับแรงหนุนจาก Spot Bitcoin ETF และอุปทานความต้องการ Bitcoin ที่จะเกิดขึ้นในช่วง Halving Bitcoin แล้ว ยังมีปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ และตัวชี้วัดออนไลน์ที่จะไปสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของ Ethereum
การลดอุปทานจากการแลกเปลี่ยน
ปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุน Ethereum ให้มีราคาพุ่งสูง นั้นคือปริมาณ Ethereum บนกระดานเทรดคริปโตที่ลดลง โดย Glassnode ซึ่งเป็นบริษัทข่าวกรองด้านการตลาดออนไลน์ระบุว่า ยอดคงเหลือ Ethereum ลดลงบนกระดานเทรดร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนที่ปริมาณ 13.14 ล้าน ETH หลังจากลดลง 7.7% ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา
ยอดคงเหลือสุทธิระหว่างปริมาณการไหลเข้าและการไหลออกของ Wallet บนกระดานเทรดทั้งหมด ลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ในช่วงเวลาเดียวกัน การถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเริ่มพุ่งสูงขึ้น สวนทางกับการลดลงมาพร้อมกับราคา Ethereum ที่เพิ่มขึ้น 130%
การลดลงของจำนวน Ethereum ในกระดานเทรดนั้นหมายความว่า นักลงทุนสามารถถอนโทเค็นของตนไปยัง Wallet ที่ดูแลด้วยตนเองได้ บ่งชี้ว่านักลงทุนอาจไม่มีความตั้งใจที่จะขาย Ethereum ในระยะสั้น และมีการคาดการณ์ว่าราคาเพิ่มขึ้นในอนาคต
สิ่งนี้อธิบายได้ว่านักลงทุนรายใหญ่มีการสะสม Ethereum มากขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Glassnode แสดงให้เห็นว่ามี Wallet ที่ถือ ETH มูลค่า 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไปนั้นเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์
จากกราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่า Wallet ที่ถือ Ethereum มูลค่า 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไปได้เพิ่มขึ้นจาก 94,620 ดอลลาร์ช่วงวันที่ 1 มกราคม เป็น 141,406 ดอลลาร์ช่วงวันที่ 4 มีนาคม หมายความว่าเจ้ามือยังไม่ได้ขาย Ethereum แต่ยังคงสะสมต่อไป บ่งบอกว่านักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการจะล็อคเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นเอง
ตัวเลขการ Stake Ethereum ที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ปัจจัยที่มีส่วนทำให้โทเคน Ethereum มีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงก็คือจำนวน Ethereum ที่เพิ่มขึ้นใน Beacon Chain โดยข้อมูลจาก Dune Analytics พบว่า ETH มากกว่า 31.58 ล้าน ETH คิดเป็นมูลค่า 119.8 พันล้านดอลลาร์ ณ อัตราปัจจุบัน ขณะนี้กำลังถูก Stake บนโปรโตคอล Proof-of-stake Layer ของ Ethereum
ซึ่งหมายความว่า 26.3% ของโทเคน Ethereum ทั้งหมด ถูกนำไป staking และไม่สามารถนำออกมาใช้ในตลาดได้ โดยมีผู้ตรวจสอบอิสระ (validator) มากกว่า 987,000 คนเข้าร่วมกระบวนการตรวจสอบ
การ Stake บน Ethereum สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็วในโซลูชั่น Stake เช่น Lido, Rocket Pool และ EtherFi ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถ Stake ได้ในจำนวนที่น้อยกว่า 32 ETH และสามารถใช้ DeFi เป็นหลักประกันในการ Stake ได้
ตามข้อมูลจาก BlockBeats พบว่ามูลค่ารวมที่ถูกล็อคบน EtherFi ได้ทะลุระดับ 2 พันล้านดอลลาร์แล้ว โดยเน้นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นและการนำโปรโตคอลสภาพคล่องของ Ethereum มาใช้
การเปิดสัญญา Future ของ Ethereum เข้าใกล้ถึงจุดสูงสุดในปี 2021
ความต้องการเลเวอเรจที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ จำนวนการเปิดสัญญาในตลาด Future ของ Ethereum เพิ่มขึ้นตามไป ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 429 ล้านบาท (11.98 พันล้านดอลลาร์) ขยับเข้าใกล้จุดสูงสุดที่ 13 พันล้านดอลลาร์ ของช่วงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา
ข้อมูลจาก Coinglass แสดงให้เห็นว่า OI ของ Ethereum Future ได้ทะลุระดับ 286 ล้านบาท (8 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถูกตรึงไว้ภายใต้ระดับนี้มานานกว่าสองปี จากนั้น OI ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในเวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ บ่งบอกถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเปิด Position Leveraged ใน Ethereum
ปัจจุบัน ตลาดออนไลน์และตลาด Future ของ Ethereum สะท้อนถึงการมองโลกในแง่ดีของนักลงทุนและความคาดหวังสำหรับการอนุมัติ Spot Ethereum ETF ที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนพ.ค.
ที่มา: cointelegraph