ตามที่สยามบล็อกเชนได้รายงานไปก่อนหน้ากับการที่วันนี้ (5 สิงหาคม) ราคา Bitcoin ได้เกิดความผันผวนอย่างหนักจนทำให้ราคาของมันลดลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ $52,300 ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในตลาดเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ว่ามีการเทขายมากกว่า $5 แสนล้านไปแล้วในช่วง 3 วันที่ผานมา
ทว่านอกเหนือจาก Bitcoin แล้วนั้นในวันนี้เหรียญ altcoins ตัวอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบรุนแรงด้วยเช่นกันจะเห็นได้ว่าโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ทั้งหลายก็ได้เห็นราคาลง 2 หลักเช่นกัน โดย Etherem นั้นเจ็บหนักที่สุดลงลงไปต่ำกว่า 14% เข้าไปแล้ว เช่นเดียวกันกับ BNB, XRP, SOL, ADA และอื่น ๆ อีกมากมายตามภาพด้านล่าง
สำหรับสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ในวันนี้ Bitcoin รวมถึงตลาดคริปโตนั้นผันผวนจะมาจากหลายปัจจัยด้วยกันซึ่งประกอบไปด้วย
วิกฤติ Recession ที่อาจกลับมาอีกครั้ง
สำหรับสาเหตุแรกคือการที่เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีการเผยแพร่ข้อมูลอัตราว่างงานของสหรัฐฯออกมาซึ่งผลของรายงานดังกล่าวก็ไม่เป็นที่น่าพอใจนัก และทำให้ผู้คนเริ่มกลับมากลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อีกครั้งส่งผลให้ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ รวมถึงญี่ปุ่นผันผวนจนลามมาถึงตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน
FED ยังคงไม่ยอมลดดอกเบี้ย
สาเหตุถัดมาคือผลสรุปการประชุม FOMC ของ FED ที่จบไปไม่นานเช่นกัน ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาดคือ FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้อยู่และยังไม่มีการลดแต่อย่างใด ทำให้ความหวังที่นักลงทุนวาดฝันไว้ต้องพังทลาย แต่อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้สูงมากว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงในเดือนกันยายนนี้
กองทุน Bitcoin ETF มีเงินไหลออกจำนวนมาก
ผลต่อเนื่องจากการประชุม FOMC ได้ส่งผลให้ในวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา มีเงินกว่า $237 ล้านไหลออกจากกองทุน Spot Bitcoin ETFs แสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน โดยทาง Fidelity นั้นเป็นผู้เสียหายมากที่สุดมีเงินทุนไหลออกกว่า 104 ล้านดอลลาร์
มีการเคลื่อนย้ายคริปโตโดยผู้เล่นรายใหญ่
ถัดมาคือการเคลื่อนไหวของ Mt.Gox และ Jump Crypto โดยในกรณีของ Mt.Gox นั้นเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการชำระหนี้ของพวกเขายังไม่เสร็จสิ้นและมีความเป็นไปได้ว่าเจ้าหนี้ที่ได้ Bitcoin คืนไปอาจทำการเทขายออกมา ซึ่งการชำระหนี้ของ Mt.Gox จะยังมีขึ้นอีกต่อไปหลายสัปดาห์ ขณะที่ทางฝั่งของ Jump Crypto นั้นได้มีรายงานว่าทางแพลตฟอร์มได้ทำการขนย้ายคริปโตมูลค่ากว่าร้อยล้านดอลลาร์ไปยังเว็บเทรด โดยมีสินทรัพย์หลัก ๆ เป็น ETH ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการที่จะเทขายเพื่อหลีกเลี่ยงการสืบสวนของ U.S. Commodity Futures Trading Commission (CFTC)
อัตราชนะการเลือกตั้งของ Trump ลดลง
สำหรับสาเหตุสุดท้ายแม้อาจจะไม่ได้มีผลกระทบที่แน่ชัดแต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะข้อมูลของ Polymarket แพลตฟอร์มเดิมพันระบุว่า ในปัจจุบันได้มีคนเดิมพันว่า Harris จะสามารถชนะการเลือกตั้งได้มากขึ้นเป็น 45% ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ในขณะที่ Trump ต่อสู้กับ Biden คะแนนของเขานั้นทิ้งห่างเป็นอย่างมาก แต่เมื่อทางเดโมแครตเปลี่ยนตัวผู้สมัครก็ทำให้โอกาสชนะของ Trump ลดลง ซึ่งถ้า Trump ไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้ตลาดคริปโตอาจจะไม่เฟื่องฟูเท่าที่ใครหลายคนได้คาดการณ์ไว้
ที่มา : Theblock