R3 เป็นบริษัทที่ระดมทุนไปได้ 107 ล้านดอลลาร์ โดยจะนำ Blockchain มาใช้ในบริการด้านการเงิน แต่ดูเหมือนว่าทางบริษัทจะไม่มีเงินมาดำเนินการในต้นปีหน้า อ้างอิงจากพนักงานในบริษัท
คำถามเกี่ยวกับระดมทุน
ทาง R3 เปิดตัวเมื่อปี 2014 โดยมีแผนที่จะให้เทคโนโลยี Blockchain เข้าไปอยู่ในกลุ่มธนาคารรายใหญ่ กลยุทธ์ของพวกเขาก็คือการใช้ Blockchain ในการให้สถาบันทางการเงินสามารถดำเนินธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก JP Morgan และ Goldman Sachs โดยธนาคารสองเจ้านี้ตกลงที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคม ในขณะที่ R3 ได้พัฒนา Corda ซึ่งเป็น Blockchain บัญชีแยกประเภทและมีพันธมิตรอีกหลายสิบแห่ง
ในเวลาต่อมา R3 ต้องพบกับสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากปี 2016 สมาชิกอย่าง Goldman Sachs และ Santarder ก็ไดหยุดการสนับสนุนไป
การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
ในการสร้างบริการด้าน Blockchain ให้กับลูกค้าทั่วโลก ทาง R3 ได้ลงทุนอย่างมากไปกับพนักงานและค่าเดินทาง ซึ่งไม่ใช่ราคาที่ถูกเลย
ถ้าคุณได้เห็นข้อมูลที่เขาได้เปิดเผยแบบสาธารณะ คุณจะเห็นว่ามีจำนวนพนักงานบนเว็บไซต์อย่างมหาศาล” หนึ่งในพนักงานกล่าวว่า “นอกจากนี้พวกเขายังมีอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงใน London และ New York อีก
ในขณะที่พนักงานอีกคนหนึ่งได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมในองค์กรที่ผู้บริหารและที่ปรึกษาต้องไปประชุมบ่อย ๆ ทั่วโลก และต้องเดินทางด้วยเที่ยวบินชั้นธุรกิจ (Business) และชั้นหนึ่ง (First Class) แทนที่จะทำการประชุมผ่านทาง Online
วัฒนธรรมธนาคารในโลกแห่ง Blockchain
อ้างอิงจากอดีตพนักงานบริษัท R3 พวกเขาเป็นบริษัท Startup แต่ดันทำตัวเหมือนกับธนาคาร โดยในที่นี้ก็หมายความว่า R3 ทำตัวเหมือนเป็นสมาชิกของ Wall Street หากลองมองย้อนกลับไป ความสำเร็จในช่วงต้น ๆ อาจเป็นผลมาจากการที่ธนาคารเหล่านั้นอยากรู้ว่าเทคโนโลยี Blockchain เป็นอย่างไรจึงลงทุนกับ R3 ไม่ใช่ลงทุนในตัวเทคโนโลยี หรือบริษัทเอง
“แทนที่พวกเขาจะไปจ้างผู้คนที่รู้จักเทคโนโลยี แต่พวกเขาดันไปจ้างนายธนาคารที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีเลยด้วยซ้ำ” อดีตพนักงานกล่าว
ความท้าทายของ R3 ก็คือทำลายความคลางแคลงใจ โดยอดีตสองพนักงานได้คาดว่าบริษัทจะหมดเงินทุนภายในไตรมาสแรกของปี 2019 ซึ่งนาย Charley Cooper กรรมการผู้จัดการของ R3 ได้ปฏิเสธข้อกังขาดังกล่าว:
“ปัจจุบันเรามีเงินทุนสนับสนุนเพียงพอและในตอนนี้ไม่มีแผนที่จะเพิ่มเงิน” เขากล่าว
ที่มา: Fortune
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น