นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมงาน MFC’s 50th Anniversary_The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต และร่วมเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” โดยมีรัฐมนตรี นักการเมือง และนักธุรกิจ อาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา นายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย
นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีนายกรัฐมนตรี และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ร่วมงานอย่างคึกคัก
ภายในงานจัดโต๊ะใหญ่ เป็นตัว U โดยนายทักษิณ นั่งตรงกลาง มี นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี นั่งด้านขวา ส่วนด้านซ้ายมี นายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ นั่งร่วมด้วย
เมื่อเวลา 19.43 น. ในงานมีการเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” โดยพิธีกรตั้งคำถามว่า อะไรคือ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกเรา และการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกและภูมิภาค ในความคิดคุณคืออะไร ? ซี่งทักษิณ กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยที่ให้คำมั่นสัญญามุ่งมั่นอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซี ซึ่งเชื่อว่า เรามีความพร้อมและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ และวางแผนจะมีแซนบ็อกซ์ (Sandbox) ที่ภูเก็ต โดยใช้คริปโตเคอเรนซีเป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึงสเตเบอร์คอยล์ ( stable coin) ด้วย การรองรับจากพันธบัตรรัฐบาลได้เตรียมแผนตรงนี้ไว้ ภายใน 3 เดือน
ทักษิณ กล่าวว่า “ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต (digital wallet) เพื่อปูทางสิ่งเหล่านี้ นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนได้ใช้ และเราจะมาสร้างบล็อกเชนของประเทศ คิดว่า สิ่งเหล่านี้ทุกคนจะเห็นภายในปีนี้แน่นอน”
ทักษิณ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้กลับประเทศ ได้พูดคุยกับหลายคนที่อยากมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ AI และระบบคลาว ซึ่งตนมั่นใจว่า ไทยมีความสามารถและสามารถดึงดูดนักลงทุนได้ แต่ผู้จะมาลงทุนในประเทศไทยส่วนหนึ่งได้มีการถามถึงพลังงานสีเขียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ราคาพลังงานในประเทศไทยถูกลงให้ได้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ในตลาดพลังงานสีเขียวราคาต่ำ และวงการ AI
นอกจากนี้ ทักษิณมีความฝันอยากให้คนไทยมีความรู้ด้าน AI ภายใน 10 ปีนี้ เพราะ AI มีอิทธิพลและบทบาทในชีวิตของเรามาก และสามารถเพิ่มศักยภาพได้ ถ้าเรารู้วิธีการใช้ ทักษิณพยายามหาวิธีว่า ประเทศไทยจะสามารถปรับ AI มาใช้อย่างไรได้บ้างให้เท่าทันโลก เช่น โรงพยาบาลเขต มีหมอจำนวน 1 คน คนต่อไปอาจเห็น AI เป็นคุณหมอ ช่วยวินิจฉัย ประเมินโรค ทำงานแทนคุณหมอได้ในบางพื้นที่ คิดว่า นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ และไม่ต้องรอ โดยเราต้องเริ่มในวันนี้
เมื่อพิธีกรตั้งคำถามว่า ในประเทศไทย ถ้าเราไม่ลงมือทำ จะมีผลอะไรตามมา ? ทักษิณ ยืนยันว่า เราต้องลงมือทำตอนนี้เลย โดยเฉพาะ AI สิ่งที่เรามีในปัจจุบันคือ โครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าเรานำเทคโนโลยีมาผนวกด้วย ก็จะทำให้มีศักยภาพ และมีความสำคัญต่อโลกใบนี้มากขึ้น แต่ถ้าเราไม่นำเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะล้าหลัง ตามหลังประเทศอื่นในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการเทคโนโลยีที่ปัจจุบัน ต้องการบุคลากรจากต่างประเทศด้วย
ทั้งนี้เรายังมีข้อได้เปรียบที่สามารถดึงดูดคนที่ต้องการมาลงทุนฮับในประเทศไทย ทั้งการแพทย์ อาหาร และการท่องเที่ยว จะช่วยให้เราเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
เมื่อพิธีกรตั้งคำถามว่า 1 สิ่งที่อยากเห็นในประเทศไทย อีกใน 12 เดือนข้างหน้า ? ซึ่งทักษิณ กล่าวว่า อยากหาสักที่ในกรุงเทพฯ ให้เป็นดาต้าเซฟโซน ทำให้โซนนั้นเป็นดิจิทัลเอ็มบาสซี่ หรือ สถานทูตดิจิทัลที่หลายประเทศมาอยู่ตรงนั้น และจะทำให้ประเทศไทยเป็น AI ฮับ นี่คือความฝัน และจะทำให้เป็นจริงให้ได้ มันจะไม่ใช่แค่ความฝัน มันยาก มันท้าทายแต่มันเป็นจริงได้ เราต้องทำให้ต้นทุนค่าพลังงานต่ำที่สุด เพื่อให้ได้ก่อน มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถทำเหล่านี้ได้
ซึ่งคำถามจากผู้ที่เข้ามาร่วมงาน โดย นายทอม เครือโสภณ ได้สอบถามเรื่อง พลังงานนิวเคลียร์ในไทย
ทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้มีพลังงานนิวเคลียร์มีหลากหลาย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างใช้เยอะแล้ว เช่น จีน ญี่ปุ่น แต่ก็ยังแพงอยู่ สำหรับพลังงานสีเขียว เช่น โซล่าร์เซลล์ ถือว่า ต้นทุนพลังงานลดลงไปมากแล้ว อาจจะเหลือ 1 บาทด้วยซ้ำ ถ้าเราสามารถใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น โดยที่ต้นทุนต่ำ และใช้น้ำมัน ถ่านหิน น้อยลง คิดว่าจะทำให้ต้นทุนลดต่ำลงอีก 6-7 เซนต์ แต่ขณะเดียวกันในเรื่องการบริหารจัดการไฟฟ้า เราจะต้องเพิ่มการใช้ สมาร์ทกริด (Smart Grid) มากขึ้น
(Smart Grid คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน)
ส่วนเรื่องค่าไฟจาก 11 เซนต์ เป็น 3 เซนต์ จะมีวิธีการลดต้นทุนพลังงานอย่างไร ? ทักษิณกล่าวว่า ทั่วโลกเวลาพูดถึง 2 เซนต์ เราต้องมีแผนการเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถแข่งขันได้ แต่มันไม่ง่าย เพราะตอนนี้ เราต้องใช้พลังงานจากถ่านหิน และนำเข้า แต่ก็ไม่พอ เพราะฉะนั้นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจี ทำให้ต้นทุนพลังงานสูง และปัจจุบันเราต้องใช้รูปแบบนี้ แต่โซลาร์เซลล์ก็ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้พื้นที่เยอะในการติดตั้งโซล่าเซลล์
ดังนั้นถ้าเราไปติดตั้งโซล่าเซลล์ ก็จะเสียพื้นที่การเกษตร ต้องวางแผน และคิดแก้ปัญหาว่า จะทำอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่ทำได้ 8 เซนต์ น่าจะเป็นไปได้ 2 เซนต์ น่าจะอีกไกล แต่ 11 เซนต์ไป 8 เซนต์ เราจะทำให้ได้ ไม่งั้นเราจะแข่งขันกับใครไม่ได้เลย เพราะหลายประเทศอยากมาลงทุน ตนได้คุยกับหลายบริษัท 6 -7 เซนต์ยอมรับได้ แต่มันต้องลดให้เหลือ 2.50 บาท ซึ่งตอนนี้ 4.12 บาท ตอนนี้จึงต้องมีแผนการ
ส่วนเราจะเตรียมตัวอย่างไร ในฐานะคนวางนโยบายในการรับมือกับ สังคมดิจิทัล ให้แข่งขันอย่างยุติธรรม ? นายทักษิณ ระบุว่า เราพูดถึงเรื่องนี้มา 20 ถึง 30 ปีแล้ว แต่ตอนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ก็จะให้แท็บเล็ตฟรี เพื่อพยายามจะลดช่องว่างทางเทคโนโลยี แต่ตอนนั้นถูกรัฐประหารไป จึงยกเลิก ซึ่งปัจจุบันเรามีสมาร์ทโฟน สำหรับอุปกรณ์ดิจิตอล ก็พัฒนามากขึ้น รัฐบาลก็พยายามลด 2G เอาสมาร์ทโฟนมาแทนอนาล็อกโฟน เราน่าจะฝึกคนไทย อบรมให้การศึกษา ให้ทัน สำหรับการใช้ AI ได้มากขึ้น เราไม่ต้องเขียนซอฟต์แวร์เอง AI สามารถช่วยเราทำตรงนี้ได้
ที่มา : pptvhd36