Bill Miller IV เศรษฐีพันล้านและนักลงทุนชื่อดัง เมื่อไม่นานมานี้ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Closing Bell” ของ CNBC โดยเป็นการพูดคุยในประเด็นของการที่กฎหมายสหรัฐฯ ได้เข้ามาผลักให้สินทรัพยประเภท Proof-of-Stake พุ่งอย่างรุนแรง แต่เขามองว่ามันจะไม่ยั่งยืน
Miller แย้งว่าบล็อกเชนส่วนใหญ่ได้สามารถแก้ปัญหาที่มีอยู่ได้จริง เว้นแต่ Bitcoin สิ่งนี้ทำให้ Solana หรือ Ethereum ที่ว่ากันว่าเป็นตัวตึงของวงการ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถก้าวขึ้นมาเอาชนะพี่ใหญ่ได้ เพราะกลไก proof-of-work มีความปลอดภัยแบบที่เครือข่ายอื่นเทียบไม่ติด
ในระหว่างการสัมภาษณ์เขายังชี้ให้เห็นถึงประเด็นที่น่าสนใจอีกว่า ภายใต้กฎหมาย CLARITY Act นั้นจะทำให้เทคโนโลยีอย่าง Ethereum และ Solana ถูกนับว่าเป็น “เชนกระจายศูนย์อำนาจ” ที่ในความเป็นจริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้น ถึงขนาดที่ว่าถ้าเชนเหล่านี้เพิ่งมาเปิดตัวในปัจจุบัน พวกเขาจะต้องผ่านกระบวนการจำนวนมากที่ไม่เหมือนเดิม
Miller ชูประเด็นขึ้นมาว่ากลไกของ PoS ถูกตัดสินได้อย่างง่ายดายโดยผู้ที่มีเสียงข้างมาก หรือก็คือยิ่งมีการ stake มาก ก็สามารถชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ได้ ซึ่งสิ่งนี้คือระบบของสังคมในปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่การปฏิวัติทางเทคโนโลยีแต่อย่างใด
กลับกันในกรณี PoW ของ Bitcoin เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง เพราะต้นทุนพลังงานที่ผูกกับการสร้าง Bitcoin ใหม่นั้นเป็นรากฐานของความสมบูรณ์ของเครือข่าย มากกว่าการยึดติดอยู่กับผู้ถือโทเคนรายใหญ่
Miller ยังยกย่อง Bitcoin ว่าเป็นทางออกสำหรับ ความรับผิดชอบทางการเงิน (monetary accountability) โดยกล่าวถึง บัญชีแยกประเภทที่โปร่งใสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของ Bitcoin ว่าเป็นวิธีการตรวจสอบว่า “ใครเป็นเจ้าของอะไร” และเงินทุนกำลังไหลไปที่ใด ซึ่งตัวเขาเองมองว่าบล็อกเชนอื่นยังไม่สามารถทำได้เหนือกว่าสิ่งที่ Bitcoin ทำมาอยู่แล้วแถมยังมีสภาพคล่องที่ต่ำกว่าด้วย
อย่างไรก็ดี เขามองว่าภายใน 20-30 ปีข้างหน้า ทุกบริษัทจะกลายเป็นบริษัทที่มีการถือ Bitcoin เช่นเดียวกันกับเหล่ากองทุน และองค์กรเหล่านี้จะทำผลงานได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ถือ Bitcoin
ที่มา : Cryptoslate