<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

การถือ Altcoins หลายตัวกับการถือ Bitcoin ตัวเดียวในพอร์ต ลงทุนแบบไหนผลตอบแทนดีกว่ากัน ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักลงทุนคริปโตหลายคนที่หวังจะทำกำไร มักเชื่อกันว่า การกระจายการลงทุน ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่เหรียญตัวไหนตัวหนึ่งอาจมีปัญหา แต่จริงๆ แล้ว กลยุทธ์นี้อาจไม่ได้ดีอย่างที่คิดหากคำนึงถึงความเสี่ยงในองค์ประกอบอื่น ๆ 

ในบทความนี้เราจะพามาดูข้อมูลเชิงลึก ที่บอกว่า การถือ Altcoins หลายตัวอาจไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนเท่ากับการถือ BTC ตัวเดียว และทำไมบางครั้งการมุ่งเน้นไปที่ Bitcoin อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในบางแง่มุม

ถือ Bitcoin ไม่มีทางเจ๊ง

ในอดีตเคยมีคำกล่าวไว้ว่า หากถือ Bitcoin นานเกิน 4 ปี (1รอบวัฏจักร) ยังไงก็ไม่มีทางที่จะขาดทุนแม้จะซื้อในราคาจุดสูงสุดก็ตาม เพราะ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่สามารถคงมูลค่าไว้ได้และราคาจะมีแต่ขึ้นเท่านั้น ซึ่งในความจริงแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเพราะ Bitcoin สามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง 

หากเทียบกันเฉพาะวัฏจักรนี้ Bitcoin ได้ไต่ระดับขึ้นมาจาก $40,000 ในปีที่ผ่านมา ก่อนล้มสถิติเก่าที่ $60,000 และขยับขึ้นมาต่อเนื่องจนทะลุหลักแสน จนสามารถทำสถิติสูงสุดที่ $122,838 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว 

ข้อมูลดังกล่าวได้เป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ใครก็ต่างหมายปอง อีกทั้งมันยังเป็นสินทรัพย์ที่แทบจะการันตีในเรื่องของความมั่นคงแล้วในปัจจุบัน สืบเนื่องมาจากการเข้ามาของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน

โอกาส 1 ใน 3 

คราวนี้ลองมาเปรียบเทียบกันในส่วนของ Altcoin ดูบ้าง จากการสำรวจพบว่าในบรรดาเหรียญคริปโตหัวแถวทั้ง 20 โปรเจกต์ มีเพียงแค่ 7 โปรเจกต์เท่านั้นที่สามารถทำราคา All time high ได้ในวัฏจักรนี้ ตามพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ซึ่งจะประกอบไปด้วย XRP, BNB, SOL , TRON, SUI, LEO และน้องใหม่อย่างเหรียญ HYPE ของ แพลตฟอร์ม Hyperliquid

สิ่งนี้หมายความว่า คุณมีโอกาสแค่ประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้นที่จะเลือกลงทุนในโปรเจกต์ได้ถูกตัวและทำกำไรได้มากกว่า Bitcoin โดยไม่ต้องนั่งเฝ้าดูกราฟหรือคอยลุ้นจังหวะเข้าซื้อ แต่คุณอาจจะต้องปวดหัวความผันผวนระหว่างทางและหากไม่ระวังก็อาจจะพลาดโอกาสลงทุนดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วนักลงทุนคงไม่มีทางที่จะเข้าซื้อเหรียญในช่วง All time high ได้เสมอไป ดังนั้นราคาที่ได้มาก็จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่ตัวเลข 1:3 ได้ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกโปรเจกต์จะเติบโตงอกงาม

1 เท่าตัวที่ไม่เหมือนกัน

ในส่วนของอัตราผลตอบแทนที่ได้ หลายคนมักจะมองว่า Altcoin ให้ผลตอบแทนมากกว่า Bitcoin ซึ่งนั่นก็เป็นข้อเท็จจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ เพราะตลาดของ altcoin มีความผันผวนที่สูงกว่า และมีมูลค่าตลาดที่ต่ำกว่า Bitcoin อย่างเห็นได้ชัด

ลองสมมติว่า Bitcoin จะทำจุดสูงสุดรอบนี้ที่ $200,000 และราคาปัจจุบันอยู่ที่ $100,000 หมายความว่าผลตอบแทนที่จะได้รับจาก Bitcoin จะอยู่ที่ 100% หรือเท่าตัว

ขณะเดียวกันหากคุณเข้าซื้อ Cardano ที่ระดับ $0.7 การที่คุณจะทำกำไรให้ได้เท่าตัวหมายความว่า ADA จะต้องไต่ขึ้นไปเพียง $1.4 เท่านั้น ทั้งๆที่สถิติสูงสุดของโปรเจกต์สูงถึง $3.10 ฉะนั้นการมองมูลค่าเหรียญในปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาสูงสุดอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนัก (ADA -76%) แต่สิ่งนี้ก็มาพร้อมกับอีกปัญหาหนึ่ง

รอแล้วรอเล่า

ปัญหาที่ว่าคือ ความเสี่ยงในการลงทุนและระยะเวลา โดยคุณทราบหรือไม่ว่า XRP เหรียญที่มีมูลค่าตลาดระดับ Top 3 ต้องใช้เวลายาวนานถึง 7 ปีในการทำสถิติสูงสุดเดิมที่ $3.5 ซึ่งหากเทียบกับ Bitcoin แล้วในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Bitcoin ทำราคาพุ่งขึ้นมากว่า 900% และทุบสถิติสูงสุดหลายครั้ง

ดังนั้นวิธีเดียวที่คุณจะสามารถทำให้ XRP สร้างผลตอบแทนได้มากกว่า Bitcoin คือการเข้าซื้อในจังหวะที่ถูกที่สุดที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ เพราะอย่างในกรณีนี้ XRP เคยทำจุดต่ำสุดถึง 0.19 ในช่วงระยะเวลาเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้ทั้งนั้น Altcoin ที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นส่วนใหญ่ก็เป็นโปรเจกต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีมูลค่าตลาดสูง ทำให้โปรเจกต์เหล่านี้ยังมีสิทธิลุ้นฟื้นกลับมาได้ กลับกันโปรเจกต์ที่มีขนาดเล็กกว่ายิ่งเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่สูงมากขึ้นไปอีก

แล้วแบบไหนดีกว่า?

ลองสมมติว่าพอร์ตโฟลิโอของเรามีเงิน $1,000 และเริ่มลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2021 มาจนถึง 1 ม.ค. 2025 (4ปี) จะมีผลอัตราตอบแทนดังนี้

หากลงทุนเฉพาะ Top 3

  • ลงทุนใน Bitcoin อย่างเดียวพอร์ตจะมีมูลค่าอยู่ที่ $3,222 (+222%)
  • ลงทุนใน Bitcoin ครึ่งหนึ่ง Ethereum ครึ่งหนึ่งจะมีมูลค่าที่ $3371 (+237%)
  • ลงทุนใน BTC ครึ่งหนึ่ง ผสมกับ ETH และ XRP อย่างละครึ่ง จะมีมูลค่าที่ 4,382 (+338%)
  • ลงทุนใน BTC 33% ETH 33% และ XRP 33% จะมีมูลค่าที่ 4,623 (+362%)
  • ลงทุนใน ETH ครึ่งหนึ่ง และ XRP ครึ่งหนึ่ง จะมีมูลค่าที่ $6,020 (+501%)

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าหากเลือกโปรเจกต์ที่มีศักยภาพดีก็อาจทำผลตอบแทนแซงหน้า Bitcoin ได้ไม่ยาก แต่คำถามคือเราจะมั่นใจได้ไหมว่าโปรเจกต์สุดรักของเราจะเป็นเพชรในตม ส่วนการลงทุนใน Bitcoin เพียงอย่างเดียวแม้จะได้รับผลตอบแทนนัอยแต่ก็ได้ความอุ่นใจเพิ่มขึ้นมาแทน

หากลงทุนกับม้ามืด

กลับกันหากไม่ได้เข้าซื้อเหรียญ Top 3 แล้วมาเสี่ยงกับโปรเจกต์เล็กกว่าเช่น

  • ลงทุนใน BCH อย่างเดียวพอร์ตจะมีมูลค่าอยู่ที่ $1,130 (+13%)
  • ลงทุนใน BCH ครึ่งหนึ่ง LTC ครึ่งหนึ่งจะมีมูลค่าที่ $975 (-2.5%) 
  • ลงทุนใน BCH ครึ่งหนึ่ง ผสมกับ LTC และ XLM เท่ากัน จะมีมูลค่าที่ $1,457 (45.7%)
  • ลงทุนใน BCH 33% LTC 33% และ XLM 33% จะมีมูลค่าที่ $1,422 (42%)

จากตารางดังกล่าวเห็นได้ชัดว่าการเลือก Altcoin ผิดตัวนั้นส่งผลกระทบรุนแรงต่อพอร์ตของเราเป็นอย่างมาก ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าโชคยังดีที่ BCH และ XLM มีการปรับตัวขึ้นทำให้พอร์ตยังคงทำกำไรได้อยู่ แต่ถ้ากรณีเลวร้ายที่สุดเราอาจไม่ได้เห็นกำไรและมีแต่ขาดทุนย่อยยับ

การลงทุนในคริปโตมีความเสี่ยงและอาจสูญเงินได้ทั้งจำนวนผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้พร้อมก่อนเริ่มการลงทุน