ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวร่วงลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 88,000 ดอลลาร์อีกครั้ง หลังจากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 89,200 ดอลลาร์ได้เมื่อวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อเหตุการณ์ Bitcoin Options Expiry มูลค่ามหาศาลกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่จะครบกำหนดในวันศุกร์นี้ ผสมโรงกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณชะลอตัว
กระทิงหลังพิงฝา! สัญญา 1.4 หมื่นล้านอาจสูญเปล่า
ข้อมูลตลาดอนุพันธ์ชี้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่สู้ดีนักสำหรับฝั่งขาขึ้น โดยมีสัญญา Call Options (ฝั่งซื้อ) คงค้างรวมกว่า 104,300 BTC มูลค่า 9.12 พันล้านดอลลาร์ แต่ทว่ากว่า 84% ของสัญญาเหล่านี้เปิดสถานะไว้ที่ราคาเป้าหมายเหนือ 91,000 ดอลลาร์
นั่นหมายความว่า หากราคา Bitcoin ไม่สามารถดีดตัวกลับขึ้นไปได้ภายในวันศุกร์ สัญญาเหล่านี้จะหมดอายุแบบไร้มูลค่าทันที ในขณะที่สัญญา Put Options (ฝั่งขาย) มูลค่า 5.92 พันล้านดอลลาร์ ดูมีความสอดคล้องกับสภาพตลาดปัจจุบันมากกว่า โดยมีโอกาสทำกำไรสูงหากราคายังทรงตัวในระดับต่ำ
พิษเศรษฐกิจรุมเร้า จ้างงานลด-ความเชื่อมั่นหด
แรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังมาจากปัจจัยมหภาค เมื่อ ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนที่น่าผิดหวัง โดยระบุว่าบริษัทเอกชนมีการลดคนงานเฉลี่ย 13,500 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Conference Board ยังรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนพฤศจิกายน ร่วงลงเหลือ 88.7 จาก 95.5 ในเดือนก่อน ซึ่งสะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ความหวังเฟดแทรกแซง-เดิมพันปลายปี $100K
อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตยังมีโอกาส ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อาจกลายเป็นแรงกดดันให้ Federal Reserve (Fed) และกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ต้องออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ Bitcoin และทองคำ
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากคำสั่งบริหาร Genesis Mission ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นพัฒนา AI ซึ่งนักเทรดบางส่วนยังคงมองบวกในระยะกลาง โดยเริ่มมีการสะสม Call Options สำหรับช่วงสิ้นปีที่เป้าหมาย 100,000 – 112,000 ดอลลาร์ ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ชี้ชะตาที่ $89,000
ระดับราคา 89,000 ดอลลาร์ จะเป็นจุด Pivot สำคัญสำหรับวันศุกร์นี้
- หากราคาอยู่ระหว่าง $85,000 – $87,000 ฝั่งขาย (Bears) จะได้เปรียบและทำกำไรสุทธิกว่า 1.9 พันล้านดอลลาร์
- หากราคาดีดกลับเหนือ $90,000 โมเมนตัมจะเปลี่ยนกลับมาเป็นของฝั่งซื้อ (Bulls) พร้อมกำไรกว่า 3.8 พันล้านดอลลาร์
ที่มา: cointelegraph