<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Blockchain กับท้องถนน ประยุกต์ใช้ด้วยกันได้หรือไม่

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น มันพัฒนาไปอย่างรวดเร็วจนบางครั้งคนทั่วไปอาจจะยังตามไม่ทันเสียด้วยซ้ำ เทคโนโลยี Blockchain ก็เช่นกัน มันคือเทคโนโลยีที่เพิ่งเข้ามา และมันจะคอยช่วยในเรื่องของข้อมูลและเรื่องการป้องกันการโกงหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนั่นเอง

ในหลายอุตสาหกรรมก็ได้เริ่มนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสัญญาในบริษัทกฎหมาย โดยการนำมาใช้ในเรื่องของการเก็บสัญญานั่นเอง หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็มีเช่น ทางแสนสิริจับเทคโนโลยี Blockchain ของ PowerLedger เป็นโมเดลแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าในโครงการ

อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เริ่มเล็งเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยี Blockchain และก็มีโปรเจกต์ ICO ที่มีนามว่า IOTA ได้ออกมาเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยี loT

แบรนด์รถยนต์

อุตสาหกรรมทางรถยนต์ก็มีหลาย ๆ แบรนด์เริ่มนำมาใช้กันอย่างจริงจัง โดยส่วนใหญ่แล้วนั้นจะมาใช้ในการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานรถยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยที่ผ่านมาทาง BMW ก็ได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการติดตามระยะทางของยานพาหนะ

Volkswagen ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่เล็งเห็นว่าเทคโนโลยี Blockchain สามารถนำมาใช้กับเทคโนโลยี loT ( Internet of Things) ที่ทางค่ายกำลังพัฒนาได้ และยังได้เสนอ Proof-of-concept ในงาน CEBIT 2018 อีกด้วย

โปรเจ็กต์ FAPSY

อ้างอิงจากข่าวมันคือโปรเจกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นให้ผู้ใช้งานรถยนต์ยี่ห้อ Porsche นั้นสามารถจ่ายค่าน้ำมันผ่านระบบไร้สายได้อย่างอัตโนมัติ โดยโปรเจกต์นี้ถูกสร้างโดยเทคโนโลยี Blockchain ของ IOTA ที่เรียกว่า IOTA Tangle โดยความสามารถของมันนั้นจะทำให้ผู้ใช้งานเกิดความสะดวกสบายมากขึ้นเช่น ผู้ใช้งานรถ Porsche สามารถจ่ายค่าน้ำมันของพวกเขาได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ประหยัดได้ทั้งเวลาในการเติมน้ำมันและเวลาในการจ่ายเงิน” และทำให้เกิดสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) อีกด้วย

ใบขับขี่บนระบบ Blockchain

ปัจจุบันทุกประเทศจำเป็นที่จะต้องพกใบขับขี่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาในการขับรถ แต่มันก็อาจมีบางครั้งที่ผู้ขับขี่รถยนต์นั้นลืมพกบัตรมา เนื่องด้วยอาจสลับสับเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์หรืออื่น ๆ จึงทำให้เกิดปัญหาเวลาตำรวจเรียกตรวจสอบหรือ ต้องนำไปใช้งานในสถานที่ราชการอีกด้วย

ทางประเทศออสเตรเลียจึงเล็งเห็นว่าเทคโนโลยี Blockchain จะสามารถช่วยในเรื่องนี้ได้ โดยได้ทดลองโปรเจกต์นำร่องในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาบันทึกข้อมูลของผู้ขับขี่ให้อยู่บนระบบออนไลน์โดยใช้ Blockchain ช่วยดูแลนั่นเอง

โดยเป้าหมายของโปรเจกต์นี้ก็คือการใช้ Distributed Ledger ในการตรวจสอบและจัดเก็บข้อมูลของใบอนุญาตขับรถ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดข้อมูลใบขับขี่ของตนเองผ่านแอปพลิเคชั่นได้เลย และพวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องพกใบขับขี่ให้ยุ่งยาก หรือเมื่อเวลาถูกตำรวจเรียกตรวจสอบก็สามารถยืนยันผ่านแอปฯ ได้เลยอีกด้วย

ธุรกิจเช่ารถ

ปัจจุบันเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศนั้น ปัญหาที่นักท่องเที่ยวพบเจอนั้นก็คือ ปัญหาในการเดินทางนั้นเอง เพราะว่าในบางครั้งการเดินทางด้วยรถสาธารณะอาจไม่สะดวกจึงทำให้ต้องเช่ารถยนต์มาขับ

แต่ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่ารถที่เราไปเช่านั้นมีสภาพเป็นอย่างไร โดนชนมาหรือเปล่า สภาพรถกี่ปีแล้ว และข้อมูลที่โฆษณานั้นจริงหรือไม่ แต่ถ้ารถแต่ละคันมีการบันทึกข้อมูลอยู่บนระบบ  Blockchain มันจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบรถแต่ละคันได้

ยิ่งไปกว่านั้นถ้ารถแต่ละคันใช้เทคโนโลยี loT กับ Blockchain เข้าด้วยกันก็จะทำให้เราสามารถติดตามรถยนต์ได้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว ข้อมูลของรถต่าง ๆ เช่นการใช้น้ำมัน เลขไมล์ที่ขับไปหรืออื่น ๆ มันจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการที่เปิดธุรกิจเช่ารถนั่นเอง

อ้างอิงจากคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในรายการ LIVE ทาง Youtube SiamBlockchain คุณธนาธรได้ยกตัวอย่าง กรณี Ride Sharing แอปพลิเคชันแชร์รถยนต์ โดยคุณธนาธรกล่าวว่า กุญแจตัวนี้สามารถใช้เทคโนโลยี Blockchain ได้ คิด Blockchain เป็นกุญแจ ผมใช้รถเสร็จผมก็ทิ้งกุญแจอยู่ในแอปสักตัวที่กุญแจผูกกับตัวรถไว้ พอต้องการใช้ครั้งต่อไป ก็เข้ามาก็กดเลือกรถคันที่อยู่ใกล้ๆ ดังนั้น ID ของผมก็คือตัวตนของผมจะไป Link กับกุญแจรถยนต์ที่เลือกเสมือนว่ากุญแจตัวนี้อยู่กับผมแล้ว

สรุป

ในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้กับเรื่องรถยนต์หรือท้องถนนนั้น จะทำให้เกิดความปลอดภัย ความสะดวกสบายสำหรับประชาชน และจะเป็นการพัฒนาประเทศชาติได้อีกด้วย

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น