เมื่อไม่นานมานี้บริษัทพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก RockX เพิ่งได้เปิดตัวโปรเจคการลงทุนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศ Polkadot (DOT) ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยแต่ละโปรเจคในระบบนิเวศของ Polkadot จะได้รับเงินทุนในเหรียญ DOT tokens เป็นมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ $500,000 และจะได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากทีมนักพัฒนาของ RockX ในทางกลับกันบริษัทจะได้รับโทเค็นหรือส่วนของผู้ถือหุ้นจากโปรเจคที่พวกเขาสนับสนุนเป็นการตอบแทน
RockX ซึ่งปัจจุบันได้รันโหนดให้กับ Polkadot, Cosmos, Solana, Oasis และ Terra ได้รับการร่วมก่อตั้งโดยนาย Alex Lam ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเหมืองขุด Bitcoin (BTC) ในแถบเอเชียที่มีชื่อว่า RockMiner
นาย Lam กล่าวว่าโปรเจคนี้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากนักลงทุนรายย่อยเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวตน เขากล่าวอธิบายว่า พันธมิตรลึกลับในฐานะผู้ถือครองเหรียญ DOT ที่โดดเด่น แถมยังเป็นผู้สนับสนุนหลักของ Ethereum (ETH) อีกด้วย โดยเขาระบุว่า :
“พวกเขาเป็นคนที่อยู่ในชุมชน Ethereum มานับตั้งแต่ปี 2015 และเคยสนับสนุนระบบนิเวศของ Ethereum ผ่านการลงทุนและการสร้างโปรเจคต่างๆ”
แม้จะมีการบริจาคเงินทุน แต่พวกเขาจะไม่ได้ให้อำนาจกับโปรเจคใด ๆ ที่จะได้รับการยอมรับในโปรแกรมนี้ การตัดสินใจที่จะขึ้นอยู่กับทีมงานของ RockX แต่เพียงผู้เดียว
แม้ว่าจะมีโครงสร้างที่เป็นรูปแบบของการลงทุน แต่ทีมงานก็จะพิจารณาและมอบเงินช่วยเหลือให้กับโปรเจคนั้น ๆ โดยที่ไม่ผูกมัดในอนาคต แม้ว่าตอนนี้บริษัทจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับโปรเจคใด ๆ ก็ตาม
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่ Polkadot ได้เปิด Polkadot Treasury และแม้ว่าโปรเจคการลงทุนจะ “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Polkadot Treasury” แต่มันได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ที่คล้าย ๆ กันในการมีส่วนช่วย “สร้างและโปรโมทโครงการ” บนเครือข่าย Polkadot นาย Lam กล่าว :
“ด้วยปัจจัยพื้นฐานด้านเทคนิคที่แข็งแกร่ง RockX จะช่วยสร้างและสนับสนุนปัจจัยทางด้านเทคนิคให้กับ Polkadot ด้วย”
นอกจากนี้กองทุนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Signum Capital ยังเป็นผู้ลงทุนใน RockX โดยนาย John Ng Pangilinan หุ้นส่วนผู้จัดการของ Signum กล่าวว่า RockX มีการดำเนินงานมากกว่าแค่ช่วยป้องกันเครือข่าย Polkadot ในฐานะผู้ให้บริการโหนด :
“RockX กำลังก้าวไปอีกขั้นเพื่อช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนเติบโตมากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถทางด้านเทคนิคและเครือข่ายนักลงทุน ซึ่งนี่จะเป็นการสร้างการทำงานร่วมกันรูปแบบใหม่ให้กับอุตสาหกรรมคริปโต”
ที่มา : cointelegraph