ดูเหมือนว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาตลาด DeFi ยังคงสร้างความงุนงงให้กับนักลงทุนส่วนใหญ่ แม้ว่าราคา Bitcoin นั้นจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงก็ตาม
ในช่วงสามวันที่ผ่านมาราคา BTC ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 5% โดยเพิ่มขึ้นจาก 11,300 ดอลลาร์ไปเป็น 12,000 ดอลลาร์ ในขณะที่เหรียญ Altcoins ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับอานิสงส์ของการเคลื่อนไหวราคาในครั้งนี้
DeFi ร่วงหนัก เมื่อ Bitcoin พุ่งทยาน
ตามที่สยามบล็อกเชนได้รายงานไปในช่วงเช้าวันนี้ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin นั้นได้มีการปรับตัวขึ้นอยู่เหนือ 12,000 ดอลลาร์ไปแล้ว โดยการเคลื่อนไหวของราคาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ราคา BTC นั้นได้พุ่งทะลุระดับ 11,900 ดอลลาร์ไปแล้วเมื่อเวลาประมาณสามทุ่มของเมื่อวาน โดยหลังจากนั้นมันก็พุ่งทะลุ 12,000 ดอลลาร์เมื่อตอนเวลาประมาณเที่ยงคืนพอดี ไปแตะ 12,059 ดอลลาร์บนเว็บ Bitstamp
แต่น่าเสียดายที่ราคาของ Bitcoin นั้นยังไม่สามารถเบรคทะลุเหนือระดับ 12,000 ดอลลาร์ได้สมบูรณ์ ซึ่งระดับราคาดังกล่าวนั้นเป็นแนวต้านที่สำคัญมานานแล้ว โดยเมื่อราคาทดสอบระดับนี้มันมักจะร่วงลงอย่างรุนแรงเสมอ ทำให้หลายคนเริ่มกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยและราคาจะร่วงลดลงที่จุดนี้
อย่างไรก็ตามเหรียญ Defi ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้มีราคาพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกับ Bitcoin โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเหรียญประจำแพลตฟอร์ม Defi ชั้นนำอย่างเช่น Yearn.finance (YFI), REN, Synthetix Network Token (SNX) และ Compound (COMP) มีมูลค่าร่วงลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 20%
เหรียญ DeFi นั้นเป็นกลุ่มเหรียญคริปโตที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยหากเทียบกับเหรียญ Altcoin ที่ไม่ใช่ DeFi ที่มี Marketcap น้อย ๆ มูลค่าของมันยังร่วงลดลงเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ของ Defi นั้นร่วงลงหนักมาก
พื้นฐาน DeFi แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของ Defi นั้นยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ยังคงร่วงลดลงต่อเนื่องก็ตาม
โดยก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่า แอพ Metamask ของ Ethereum บน Chrome ทำสถิติยอดดาวน์โหลด 1 ล้านครั้งไปแล้ว หลังผู้คนทั่วโลกหันมาลงทุนใน Defi
“ นอกจากนี้ในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมา ชุมชน Ethereum ยังได้เห็นการเติบโตพื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับการนำ DAO มาใช้ , เกม Web3 และการบริโภคผลิตภัณฑ์และ DeFi สิ่งเหล่านี้ได้ช่วยเร่งการเติบโตให้กับ Metamaskไม่ใช่แค่ความสามารถในการซื้อและจัดเก็บ Eth เท่านั้นที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ แต่ผู้ใช้ยังต้องการลงทุนกู้ยืมและให้กู้ยืมบนแพลตฟอร์ม Defi ต่าง ๆ เช่น Uniswap, Yearn, Curve, Maker และ Aave เพื่อให้ลงทุนของพวกเขาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”
ที่มา : newsbtc