เมื่อเวลา 05.22 ตามเวลา UTC ได้เกิดการ hard fork ครั้งที่ 5 บน Ethereum ซึ่งเป็น Cryptocurrencies ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ได้ออก ethereum improvement protocols (EIPs) เพื่อพัฒนาตัวแพลตฟอร์ม
ราคาต่อดอลล่าร์ของ ether ได้มีความผันผวนอย่างรุนแรงในระยะ hard fork ก่อนที่จะเพิ่มขึ้น 2%ในชั่วโมงสุดท้ายเป็น 348 ดอลล่าร์ ตามข้อมูลของ CoinMarketCap
ตัว hard fork ดังกล่าวได้ถูกประกาศขึ้นครั้งแรกใน roadmap ของ Ethereum ในปี 2015 ภายใต้ชื่อ “Metropolis” ก่อนที่จะพบกับปัญหาความล่าช้าอย่างมาก จึงทำให้ต้องมีการแบ่งออกเป็นสองช่วง ได้แก่ Byzantium และ Constantinople (ในส่วนหลังยังไม่มีการประกาศวันปล่อยตัวอย่างเป็นทางการ)
เนื่องจาก Byzantium เป็นการ Fork ที่มีการวางแผนที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด และได้รับการคัดค้านจากกลุ่มผู้ใช้งานน้อยมากเกี่ยวกับ code ของตัว Byzantium อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงเป็นที่น่าสังเกต เนื่องจากมันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการอัปเกรดตัว Metropolis ของ Ethereum และรวมถึงการที่หลายๆ คนให้ความสนใจในเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปีนี้ ซึ่งมีความสัมพันธ์ของ Token ในการระดมทุน ICO โดยใช้มาตรฐาน ERC-20
แต่กระบวนการนี้อาจมีปัญหาบ้างนิดหน่อย แม้ว่านักพัฒนา Ethereum จะต้องเจอกับปัญหาบัคร้ายแรงไม่กี่วันก่อน hard fork ก็ตาม
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา Byzantium ที่ได้เปิดใช้งาน ได้ถูกดึงกลับไปเพราะพบข้อบกพร่องที่สำคัญบนตัว Code นักพัฒนาพยายามแก้ไขให้ทันเวลา และจะต้องไม่มีการเลื่อนระยะเวลาการ hard fork ออกไปด้วย
โดยอ้างอิงจากเว็บ Ether Nodes หรือเว็บไซต์ผู้ให้บริการด้านรายละเอียด Blockchain ของ Ethereum นั้น Node ในปัจจุบันที่ยังรัน client ตัวที่มีบัคนั้นประกอบไปด้วย Geth ซึ่งคิดเป็น 65.3% และ Parity ที่คิดเป็น 30.4% โดยสองตัวนี้ถือเป็นตัว client หลักเหรียญ Ethereum ซึ่งหากยังดื้อดึงใช้ต่อไปโดยไม่อัพเดตนั้นอาจเกิดปัญหาด้าน consensus ได้ ทำให้เครือข่ายเกิดการแยกตัว หรือทำให้เกิดช่องโหว่ DoS ได้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังไม่เกิดการ fork แบบ minority แตกแยกออกไปเป็นสายอื่นนอกเหนือจากนี้ และนักพัฒนาก็กำลังเฉลิมฉลองการ hard fork ลงโซเชียลของพวกเขา
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น