รัฐบาลของประธานาธิบดี Joe Biden ได้เน้นว่าบริษัท AI ต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาต้องปลอดภัยสำหรับการใช้งาน
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำเนียบขาวประกาศว่าบริษัทด้าน AI ชื่อดังหลายแห่งเช่น OpenAI, Google และ Microsoft ได้ให้คำมั่นว่าจะพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ปลอดภัย มั่นคง และโปร่งใส โดยทำเนียบขาวได้เสริมว่าบริษัทอื่น ๆ เช่น Amazon, Anthropic, Meta และ Inflection ก็ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของ AI
ฝ่ายบริหารของ Biden ได้เน้นย้ำถึงความรับผิดชอบของบริษัทต่าง ๆ ในการรับรองความปลอดภัยของเทคโนโลยีและใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI
นาย Kent Walker ประธานฝ่ายกิจการระดับโลกของ Google ยอมรับว่าหากจะทำให้ AI ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องร่วมมือกัน เขายินดีที่จะร่วมงานกับบริษัท AI ชั้นนำเมื่อสนับสนุนความตั้งใจเหล่านี้ และมั่นใจว่า Google จะยังคงร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ ด้วยการแบ่งปันข้อมูลและแนวทางการปฏิบัติที่มีอยู่
นโยบายต่าง ๆ ตั้งใจจะทำ ได้แก่ การทดสอบความปลอดภัยของระบบ AI ก่อนเผยแพร่, การช่วยกันแบ่งปันแนวทางความปลอดภัยของ AI, การลงทุนในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันภัยคุกคามจากภายใน, และการเปิดใช้งานการรายงานช่องโหว่ในระบบ AI จากบุคคลภายนอก
Anna Makanju รองประธานฝ่ายกิจการระดับโลกของบริษัท OpenAI ระบุว่าผู้ที่กำหนดนโยบายทั่วโลกกำลังพิจารณากฎระเบียบใหม่สำหรับระบบ Advanced AI
ในเดือนมิถุนายน ส.ส.ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งคณะกรรมาธิการ AI เพื่อรับมือกับความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่รวดเร็วของ AI
คณะบริหารของ Joe Biden กล่าวว่ากำลังร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิสราเอล อิตาลี ญี่ปุ่น ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ และสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างข้อกำหนดระหว่างประเทศสำหรับ AI
นาย Brad Smith ประธาน Microsoft ได้มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนด และตั้งใจที่จะขยายแนวทางการปฏิบัติด้าน AI ที่ปลอดภัยและมีความรอบผิดชอบ และร่วมมือกับบริษัทรายอื่น ๆ
ผู้นำระดับโลกรวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI เชิงสร้างสรรค์และเทคโนโลยีปลอมแปลงในทางที่ผิด
ในเดือนพฤษภาคม Kamala Harris รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พบกับผู้นำด้าน AI เพื่อสร้างรากฐานสำหรับการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรม และประกาศลงทุน 140 ล้านดอลลาร์ในการวิจัยและพัฒนา AI โดย National Science Foundation
Source: Cointelegraph