<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ถูกขุดครบ 19 ล้าน BTC แล้ว ทำไมสิ่งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตมาก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลจาก BitBo แสดงให้เห็นว่า Bitcoin เหรียญที่ 19 ล้านนั้นเพิ่งถูกขุดออกมานั่นก็หมายความว่านับจากนี้ Bitcoin ที่จะถูกขุดออกมาจะเหลือเพียง 2 ล้าน BTC ซึ่งเหล่านักขุดก็จะยังขุดออกมากันได้เรื่อย ๆ จนกว่า Bitcoin จะถูกขุดออกมาครบจำนวนที่มากที่สุดที่ 21 ล้าน BTC และจะไม่มีการสร้างเพิ่มหรือขุดได้อีก

เหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin สามารถร่วมทำการทดลองในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สาขาต่าง ๆ ช่วงอีกหลายทศวรรษจากนี้ไปเพื่อให้บรรลุเป้าของการทำให้เกิดสภาวะคลาดแคลนซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเฉพาะของ Bitcoin ที่เงิน fiat นั้นไม่สามารถทำได้

ปัจจุบันนี้นักขุดน้นจะได้รับ Bitcoin 6.25 BTC ต่อบล็อกที่ขุดได้ซึ่งรางวัลที่ได้จากการขุดจะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 210,000 ที่ได้ขุดออกมาแล้วซึ่งจะกินเวลาประมาณ 4 ปีหลังจากที่ Sathoshi ขุดในครั้งแรกและได้รับรางวัลบล็อกจากการขุดที่ 50 BTC 

ตอนนี้ Bitcoin นั้นกระจายไปอยู่ในมือคนที่สามารถเข้าถึงได้ทั้งโลกและสินทรัพย์นั้นอยู่ในสภาวะขาดแคลนด้วยแม้ว่าจะใช้เวลา 10 ปี ในการขุดออกมาได้ 19 ล้าน BTC และอีก 2 ล้าน BTC นั้นจะไม่สามารถถูกขุดออกมาครบจนกว่าจะถึงปี 2140 หากโปรโตคอลในยังคงเป็นเหมือนเดิม

เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่โปรโตคอล Bitcoin จำนวน 21 ล้านเหรียญนั้นไม่ได้ถูกเขียนไว้ใน white paper หรือโค้ดของมันแต่ด้วยรางวัลที่ได้จากการขุดบล็อกที่ลดจำนวนลงบวกกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ร่วมกับเครือข่าย decentralized นั้นทำให้มันสามารถป้องกันการสร้าง Bitcoin ที่เกินจำนวนที่ถูกจำกัดไว้โดยปริยาย

“การใช้งาน Bitcoin ควบคุมบล็อกที่ออกใหม่โดยตรวจสอบว่าแต่ละบล็อกใหม่ไม่ได้สร้าง BTC ออกมาเกินจำนวนที่บล็อกนั้นสามารถสร้างได้” Jameson Lopp ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของ Casa และ cypherpunk เขียนในบล็อกโพสต์

โดยการทำให้แน่ใจว่า Bitcoin จะไม่ถูกนำมาใช้ซ้ำสองและรางวัลบล็อกไม่ได้ให้ผลตอบแทนมากกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงเวลาใดก็ตาม เครือข่ายแบบกระจายของโหนด Bitcoin สามารถบังคับใช้ขีดจำกัดอุปทานทางอ้อมเนื่องจากแนวโน้มรางวัลบล็อกที่ได้จากการขุดจะลู่เข้าสู่ศูนย์ในศตวรรษข้างหน้าที่จะถึง

นอกเหนือสภาวะการขาดแคลนที่ Bitcoin นำมาสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลแล้วนั้น Bitcoin ยังช่วยให้นโยบายการเงินสามารถคาดการณ์ได้

โดยได้มีการกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วซึ่งจะต่างไปจากระบบการเงินปัจจุบันที่รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายสามารถเพิ่มการออกเงินได้ดังที่เราได้ประสบพบเจอในอดีคช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาด้วยเหตุนี้การลดค่าเงินใน Bitcoin จึงไม่สามารถทำได้และกำลังซื้อของผู้ใช้งานก็จะได้รับการคุ้มครอง

นอกเหนือไปจากการปกป้องกำลังซื้อของผู้ใช้งานแล้วด้วยความที่ Bitcoin สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าในอนาคตได้ทำให้ผู้ใช้นั้นสามารถวางแผนสำหรับอนาคตได้อีกด้วยเนื่องจากผู้ใช้สามารถมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาหักเงินของเขาออกไปหรือทำให้ค่าเงินของเขานั้นลดลงด้วยการพัฒนาสำคัญนี้นั้นจะทำให้เราได้เห็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเดิมพันในระยะสั้น ๆ 

แต่ด้วยสภาวะที่ขาดแคลนแบบนี้ทำไมราคาของ BTC ถึงได้อยู่ที่ระดับ $30,000-$60,000 ในช่วงปีที่ผ่านมา?

ราคาของ Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเข้าใจของเทคโนโลยีของมนุษย์ปัจจุบันมีเพียงส่วนน้อยที่เข้าใจแนวคิดของการกระจายอำนาจในทางโปรแกรมและสภาวะขาดคแคลนของเงิน

ดั้งนั้นราคา Bitcoin อาจมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหากผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนั้นเข้าใจเทคโนลยีและสภาวะการขาดแคลนของเงินที่แท้จริงแล้วซึ่งนั่นอาจหมายถึงการไหลเข้าของเม็ดงานจำนวนมหาศาลในการเข้ามาซื้อ Bitcoin ในอนาคต