การล่มสลายของเว็บเทรด FTX เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้กระเป๋าเงิน Crypto กลายเป็น item สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการจัดเก็บสินทรัพย์ Crypto และ private key ไว้อย่างปลอดภัยด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งพากระดานเทรดแบบรวมศูนย์ต่าง ๆ ตามวลีที่ว่า “Not your keys, not your coins” ที่ไม่ต้องเสี่ยงกับการที่สินทรัพย์ของตัวเองที่ฝากไว้บนกระดานเทรดที่อาจไม่สามารถถอนสินทรัพย์ออกได้หากเกิดวิกฤตขึ้น
ซึ่งในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจะมานำเสนอรายละเอยีดของ 8 กระเป๋าเงิน Crypto Wallet ที่น่าสนใจในปี 2023 มาให้เพื่อน ๆ ได้พิจารณากัน
Coinbase Wallet
Coinbase Wallet นับว่าเป็นกระเป๋าเงินที่เป็นมิตรต่อผู้ที่เพิ่งเข้าวงการ Crypto และยังไม่มีประสบการณ์ จากความเรียบง่ายในแง่ของการใช้งานและระบบความปลอดภัยที่ได้รับการสนับสนุนโดย Coinbase กระดานเทรดที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงการคริปโต อีกทั้งกระเป๋าเงินนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับบัญชีธนาคารใหญ่ ๆ หลายแห่งของสหรัฐฯ ได้อีกด้วย
การเลือกใช้ Coinbase Wallet ไม่จำเป็นต้องทำการเปิดบัญชีกับทาง Coinbase หรือพึ่งพาการดูแลสินทรัพย์จากกระดานเทรดเจ้านี้ ซึ่งหมายความว่า คุณจะเป็นผู้เก็บ private key เองด้วยตัวเอง ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าสินทรัพย์จะสูญหายด้วยเหตุผลบางอย่างหรือถูกแฮ็กจากการที่เว็บไซต์ถูกโจมตี
ข้อดี:
- มีหน้าจออินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งาน
- รองรับ Crypto กว่า 5,500 สกุล
- รองรับ Multi-signature และการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
- ได้รับการสนับสนุนโดยแพลตฟอร์มกระดานเทรดที่น่าเชื่อถือที่สามารถชดใช้สินทรัพย์ที่สูญหายหรือถูกขโมยไปได้ หากเกิดกรณีร้ายแรงขึ้น
ข้อเสีย:
- มีปัญหาและจุดอ่อนด้านความปลอดภัยเช่นเดียวกับ hot wallet ตัอื่น ๆ
- จำกัดใช้งานได้บนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น
MetaMask
MetaMask ถือว่าเป็นกระเป๋าเงิน Crypto ที่เหมาะสมกับ Ethereum มากที่สุด จากการที่อินเตอร์เฟสของกระเป๋าเงินนี้ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับโทเค็นและ dApps บนระบบ Ethereum ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ทำให้กระเป๋าเงินนี้มีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน
MetaMask ยังมีความโดดเด่นเรื่องความสามารถในการเข้ากันได้กับระบบบล็อกเชนอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มระบบบล็อกเชนเข้าสู่แอปพลิเคชันได้หลายระบบ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากเครือข่าย Web3 ชื่อดังอย่าง Polygon, Binance Smart Chain, และ Avalanche พร้อมทั้งสามารถเชื่อมต่อเข้ากับตลาด NFT อย่าง OpenSea ได้อีกด้วย
ข้อดี:
- มีการการออกแบบส่วนต่อขยายสำหรับเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย
- สามารถเชื่อมต่อกับตลาด NFT ได้
- รองรับ dApps
ข้อเสีย:
- มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็น Ethereum ที่ค่อนข้างสูง
- ไม่สามารถเก็บ Bitcoin โดยตรงได้
TrustWallet
Trust Wallet ถือว่าเป็นกระเป๋าเงิน Crypto ที่เหมาะสมกับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือมากที่สุด จากการมีฟีเจอร์ที่เป็นระเบียบ อินเตอร์เฟสที่มีระบบสแกน ทั้งยังรองรับ dApps และ NFT จำนวนมาก Trust Wallet ถือว่าเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งานกระเป๋าเงิน Crypto บนโทรศัพท์มือถือและเป็นแอปพลิเคชันทางการของ Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดของโลก อย่างไรก็ตาม Binance ไม่ได้เป็นผู้เก็บ private key ของผู้ใช้งานแต่อย่างไร ทำให้ผู้ใช้งานจำเป็นต้องดูแลสินทรัพย์ของตัวเอง
Trust Wallet รองรับระบบบล็อกเชนถึง 40 ระบบ ทำให้กระเป๋าเงินนี้ สามารถเก็บโทเค็นได้มากกว่า 4.5 ล้านสกุล ทั้งยังมี Web3 browser แบบ build-in ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึง dApps และเกมบนระบบบล็อกเชนต่าง ๆ ได้ พร้อมทั้งสามารถซื้อ NFT ได้อย่างง่ายดาย
ข้อดี:
- รองรับโทเค็นจำนวนมาก
- สามารถได้รับผลตอบแทนเป็น Crypto ได้ถึง 12 สกุล
- มีอินเตอร์เฟสที่ง่ายต่อการใช้งาน
- มี Web3 browser แบบ build-in
ข้อเสีย:
- มีเจ้าของคือ Binance ซึ่งกำลังมีปัญหาด้านกฎหมายกับสหรัฐฯ
- มีทรัพยากรด้านการศึกษาเกี่ยวกับเหรียญและโทเค็นที่จำกัด
Ledger Nano S Plus
Ledger Nano S Plus ถือเป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ Crypto ที่ดีที่สุด จากจำนวนสินทรัพย์ที่กระเป๋าเงินนี้รองรับ ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด และความสามารถในการเทรดผ่านแอปพลิเคชัน Ledger Live ทั้ง Ledger ยังเป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดแบรนด์หนึ่งในวงการ Crypto อีกด้วย ด้วยความที่กระเป๋าเงินของแบรนด์นี้เป็นตัวเลือกที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาว Crypto
Ledger Nano S Plus มีที่จัดเก็บขนาดใหญ่และพอร์ตสำหรับต่อสาย USB-C พร้อมจอขนาด 128 x 64 pixel โดยมีราคาขายอยู่ที่ 87.25 ดอลลาร์
ข้อดี:
- สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้ถึง 100 แอปพลิเคชันในเวลาเดียวกับ
- สามารถซื้อและขาย Crypto ได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน Ledger Live
- สามารถยืนยันการทำธุรกรรมทั้งหมดได้ด้วยการกดปุ่ม 2 ปุ่ม
- สามารถเข้ากันได้กับกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์อื่นถึง 50 ชนิด
ข้อเสีย:
- มีราคาสูงกว่ากระเป๋าเงินรุ่นอื่น ๆ ของ Ledger
- ระบบปฏิบัติการแบบปรับตั้งค่าด้วยตัวเองไม่เป็น open source
Electrum
Electrum ถูกจัดว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับ Bitcoin จากระบบความปลอดภัยและความสามารถในการปรับแต่งในระดับสูง Electrum ถือเป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินที่มีความเก่าแก่ที่สุดกระเป๋าเงินหนึ่งในวงการ Crypto และยังคงเป็นหนึ่งในไม่กี่กระเป๋าเงินที่รองรับเพียง Bitcoin เท่านั้น
กระเป๋าเงินนี้มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย ทั้ง 2FA, ระบบพิสูจน์การทำธุรกรรม และรองรับระบบ Multi-signature ผู้ใช้งานยังสามารถปรับแต่งค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ต้องการในการทำธุรกรรมได้ ทำให้ยิ่งจ่ายค่าธรรมเนียมมาก ระยะเวลาในการทำธุรกรรมจะน้อยลง
ข้อดี:
- มีการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า hot wallet อื่น
- มีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ปรับแต่งได้
- กระเป๋าเงินนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดปรับปรุงระบบ
ข้อเสีย:
- การติดตั้งและอินเตอร์เฟสที่ใช้งานยากต่อผู้ที่พึ่งเข้าวงการ
- ไม่มีระบบลูกค้าสัมพันธ์ ทั้งทางแชท อีเมล และโทรศัพท์
BlueWallet
BlueWallet ถูกจัดให้เป็นกระเป๋าเงิน Bitcoin บนโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด จากการที่มีฟีเจอร์ที่รองรับโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก มีหน้าจอผู้ใช้งานที่ใช้งานง่าย และมีการบูรณาการกับ Lightning Network ถือเป็นกระเป๋าเงินทางเลือกของนักเทรด Bitcoin ที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการใช้ซอร์ฟแวร์ที่มีความซับซ้อนบนคอมพิวเตอร์
แม้จะมีหน้าจอการใช้งานที่ง่ายต่อผู้ที่พึ่งเข้าวงการไม่นาน แต่แอปพลิเคชันได้มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอื่น ๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ ทั้งการส่ง รับ และเก็บ Bitcoin ไปจนถึงการปรับแต่งค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
ข้อดี:
- มีการออกแบบหน้าจออินเตอร์เฟสที่ทันสมัย
- รองรับการทำธุรกรรมทั้งแบบ on-chain และ lightning transactions
- สามารถสร้างหรือเพิ่มกระเป๋าเงินได้หลายใบ
- สามารถใช้ระบบ Multi-signature ได้หากต้องการเพิ่มความปลอดภัย
ข้อเสีย:
- ไม่มีระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
- เครื่องมือบางส่วนสามารถใช้ได้ผ่านระบบสอนการใช้งานในแอปพลิเคชัน
Exodus
Exodus ถูกจัดให้เป็นกระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับคอมพิวเตอร์เดสท็อปจากความเร็วในการทำธุรกรรม ความสะดวกในการใช้งาน และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้ Exodus เป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินที่เป็นที่สนใจของตลาด และนอกจากแอปพลิชันของกระเป๋าเงินนี้จะสามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการทั้ง Windows, Linux และ Mac ยังมีแอปพลิเคชันสำหรับ iOS และ Android อีกด้วย ระบบปฏิบัติการของกระเป๋าเงินนี้ยังมีการอัปเดททุก ๆ 2 สัปดาห์
Exodus รองรับ NFT และ Crypto มากถึง 260 สกุล รวมถึง memecoin อย่าง Dogecoin และ Shiba Inu ด้วยพร้อมทั้งมีแอปพลิเคชันสำหรับการดู live chart และ staking
ข้อดี:
- รองรับ Crypto กว่า 260 สกุล
- มีความเข้ากันได้กับกระเป๋าเงิน Trezor One และ Trezor T
- อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อ Bitcoin ได้ผ่าน Apple Pay
- มีบริการลูกค้าสัมพันธ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อเสีย:
- มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมกับกระเป๋าเงินของกระดานเทรดที่สูง
- ขาดระบบยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน
- ไม่รองรับระบบ Multi-signature
Crypto.com
Crypto.com นับว่าเป็นกระเป๋าเงิน DeFi ที่ดีที่สุด ด้วยจำนวนเครื่องมือ DeFi ที่หลากหลาย กระบวนการเริ่มต้นใช้งานที่ยอดเยี่ยม และระบบความปลอดภัยที่เข้มงวด กระเป๋าเงิน Crypto.com เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่แวดวง DeFi ด้วยการที่กระเป๋าเงินนี้ ได้ให้อำนาจในการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลและ private kay แก่ผู้ใช้งาน
คุณสามารถดาวน์โหลด Crypto.com DeFi Wallet และใช้งานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องสมัครบัญชีของกระดานเทรด Crypto.com
ข้อดี:
- สามารถเลือกค่าธรรมเนียมในการเทรดและความเร็วในการยืนยันการเทรดได้
- รองรับ Crypto มากถึง 250 สกุล
- สามารถรับผลตอบแทนเป็น Crypto ได้มากกว่า 35 สกุล
ข้อเสีย:
- คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนได้หากคุณเสีย private key และอยู่ในระหว่างการกู้คืน private key นั้น
- การเปลี่ยนโทเค็นแบบ built-in อาจถูกปิดกั้นในบางครั้ง
สรุป
วิกฤตในอุตสาหกรรม Crypto ช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้คนในวงการ Crypto เริ่มตระหนักถึงวลี “Not your keys, not your coins” กันมากขึ้น ด้วยความเสี่ยงที่อาจสูญเสียสินทรัพย์คริปโตไปทั้งหมดหากนำเอาฝากไว้กับกระดานเทรดบุคคลที่สาม
อย่างไรก็ตาม การเก็บสินทรัพย์ในกระเป๋าเงิน Crypto wallet และถือ private key ไว้ด้วยตัวเองก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสีย Crypto ในกระเป๋าเงินเหล่านั้นไปเช่นกัน ในกรณีที่ลืมรหัสผ่านหรือทำวลีกู้คืนสูญหาย ดังนั้นการใช้งานกระเป๋าเงิน Crypto จึงควรมีความระมัดระวังและรอบคอบเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
ที่มา: Money.com