อัตราการเกิดบล็อกใหม่บน Blockchain ของ Ethereum กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก หลังจากที่มีการอัพเกรดตัว Constantinople และ St. Petersburg ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยอ้างอิงจากเว็บ Etherscan นั้น การเกิดใหม่ของบล็อก ในการเก็บธุรกรรมของ Ethereum นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,500 บล็อกในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากการอัพเกรดด้วยวิธีการ hard fork เข้าไปในตัว mainnet
การเพิ่มขึ้นของจำนวนบล็อกนั้นมีสาเหตุมาจากที่ตัวอัพเกรด Ethereum Improvement Proposal (EIP) 1234 ถูกเปิดใช้เมื่อวันพฤหัสฯที่แล้ว โดยมันถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดการใช้งานของส่วนหนึ่งใน code ที่เรียกว่า ‘difficulty bomb’ เป็นเวลา 12 เดือน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเปลี่ยนไปใช้อัลกอริทึ่มตัวใหม่ที่เรียกว่า proof of stake (PoS) โดยตัว code ที่ว่านี้ได้ทำให้การเกิดบล็อกใหม่ในเครือข่ายของ Ethereum นั้นช้าลงตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว
ทว่าภายหลังที่ถูกเลื่อนออกไปนั้น Etherscan ก็เผยว่าจำนวนระยะเวลาในการเกิดบล็อกใหม่ของ Ethereum ก็ลดลงภายในหนึ่งวันอย่างเห็นได้ชัด โดยลดจาก 19 วินาทีต่อ 1 บล็อก เป็น 14 วินาทีต่อ 1 บล็อก
นักพัฒนาหลักกำลังวางแผนที่จะติดตั้งตัว EIP ตัวใหม่เข้าไปในตัวอัพเกรด hard fork ตัวใหม่ของ Ethereum นามว่า Istanbul
กระนั้น วันและเวลาของตัวอัพเกรด Istanbul ก็ยังไม่ได้ถูกยืนยันโดยนักพัฒนาแต่อย่างใด แม้อดีตนักพัฒนาหลัก นาย Afri Schoedon คาดว่ามันจะถูกเปิดใช้ในช่วงเดือนตุลาคมของปีนี้ก็ตาม
ก่อนหน้านี้นาย Taylor Monahan หรือ CEO ของกระเป๋าเก็บเหรียญคริปโต MyCrypto ได้ให้สัมภาษณ์กับ Coindesk ถึงการเตรียมการ hard fork ที่เริ่มจะยุ่งยากมากขึ้น เนื่องขากว่าปัจจุบันระบบ ecosystem ของ Ethereum นั้นมีบริษัท, นักพัฒนา และผู้ใช้งานอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก
“ผมมักจะกังวลทุกครั้งที่มีการ hard fork เกิดขึ้น เพราะว่ามันมีส่วนประกอบที่กำลังทำงานอยู่เพียบ” กล่าวโดยนาย Monahan “มันมีทั้งนักขุเด มันมีทั้ง hardware และ node มันมี Geth, Parity, Harmony และซอฟต์แวร์ตัว client อื่น ๆ อีกมาก คุณมี exchange, wallet และอื่น อีกมาก มันมีโอกาสที่ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นสูงมาก”
เปิดใช้งานอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตาม การ hard fork ล่าสุดบนเครือข่ายของ Ethereum นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น
หลัก ๆ ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าผู้ใช้งาน Ethereum นั้นไม่มีปัญหาในการอัพเกรดซอฟต์แวร์เลย ตามที่นาย Monahon กล่าวอ้าง
แพลทฟอร์มด้านการวิเคราะห์เครือข่าย Blockchain ของ Ethereum นามว่า Alethio เผยให้เห็นถึงอัตราความผันผวนของการทำธุรกรรมบนเครือข่าย และการเรียก smart contract ที่แทบจะไม่มีเลย หากเทียบกับช่วงระหว่างก่อนการ hard fork จนถึงในตอนนี้
นอกจากนี้ตัวเลขบน Etherscan ยังเผยให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแรงขุดบนเครือข่าย Ethereum ทั้งก่อนและหลังการ hard fork ตัวอัพเกรด Constantinople และ St. Petersburg ที่แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย
สิ่งนี้เผยให้เห็นว่านักขุดส่วนใหญ่บนเครือข่าย Ethereum นั้นได้ทำการอัพเกรดเซิฟเวอร์ (หรือที่เรียกว่า node) ของพวกเขาแล้ว เพื่อทำการขุดเหรียญบน chain ที่ถูกอัพเกรดใหม่แล้ว
โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ จำนวนแรงขุดของ Ethereum บนเว็บ ForkMon นั้นอยู่ที่ 143544.3 GH/s ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้อัพเกรด node ตาม หรือขุด chain อื่นนอกเหนือจาก Constantinople และ St. Petersburg นั้นอยู่ที่ 1181.0 GH/s
นาย Martin Holst Swende หรือหัวหน้าฝ่ายด้านความปลอดภัยของ Ethereum กล่าวว่ามีจำนวนบล็อกทั้งหมด 19 บล็อกที่ถูกขุดขึ้นมาใน Chain เก่านั้นถือเป็นการสูญเสียกำลังขุดไปโดยใช่เหตุ เนื่องจากว่าพวกเขากำลังขุดเหรียญที่ไม่มีมูลค่า และไม่สามารถใช้ร่วมกับ chain หลักของเหรียญ Ethereum ในตัวปัจจุบันได้ (เพราะการ hard fork คือการบังคับให้ผู้ใช้งานต้องอัพเกรดตาม)
“บล็อกทั้งหมดนี้ถูกขุดบน chain ของ mainnet ตัวเก่า ซึ่งคาดว่าพวกเขาไม่ได้อัพเกรดตัวซอฟต์แวร์การขุดให้เข้ากับตัว Constantinople เป็นอะไรที่เปลืองเงินมาก” กล่าวโดยนาย Swende บน Github
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น