<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Jamie Dimon ควรทำการบ้านบ้างกับเรื่อง Bitcoin กล่าวโดยผู้บริหารบริษัท VC แห่งหนึ่ง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Jamie Dimon ผู้บริหารของ JP Morgan ผู้ซึ่งที่กล่าวว่า Bitcoin คือการ “ฉ้อฉล” และระบุว่าในที่สุดสกุลเงิน Bitcoin ก็จะถูกปิดเพราะว่ามัน “ไม่ใช่เรื่องจริง” และเมื่อเร็วๆ นี้ Bart Stephens ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนของบริษัทด้านนักลงทุน Venture captial (VC) นามว่า Blockchain Capital บอกกับนาย Jamie ว่า เขาควร “ทำการบ้านบ้าง” กับเรื่องเกี่ยวกับ Bitcoin

Jamie Dimons แสดงความคิดเห็นว่า เขาจะไล่พนักงานของ JP Morgan ทุกคนที่ซื้อขาย Bitcoin เพราะมันทั้ง “โง่” และยังขัดกับหลักเกณฑ์ของธนาคาร…

อดีตผู้บริหาร JP Morgan บอกกับเขาว่า “หุบปากเกี่ยวกับเรื่อง Bitcoin” อีกทั้งยังมีผู้จัดการหุ้นส่วนของบริษัท ด้านการค้าขาย Bitcoin ที่ประเทศอังกฤษ นาม Blockswater ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานกำกับดูแลของสวีเดน เนื่องจาก JP Morgan กลายเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ Bitcoin ที่มากที่สุดในตลาด Nasdaq Nordic หลังจากการออกมาพูดโจมตีดังกล่าว แต่นั่นก็ไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อนาย Dimon ก็ออกมาโจมตี Bitcoin อีกรอบ

นาย Bart Stephens มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความคิดเห็นของ Jamie Dimon ว่าเขาเป็นคน “ปากว่าตาขยิบและโง่เขลา” ตามที่เขาบอกไว้ในจดหมายข่าวของ Fortune’s Term Sheet เขาพูดกับลูกค้า JP Morgan เกี่ยวกับ cryptocurrencies ในขณะที่ Jamie Dimon กำลังแสดงความคิดเห็นดังกล่าวไว้ในทวีตของเขา:

แปล: ในขณะที่นาย Jamie Dimon กำลังโจมตี Bitcoin ที่บริษัทเข้ากำลังจัดงานประชุมด้าน Blockchain ?

เขาอ้างอีกว่าซีอีโอ Wall Street คนอื่นๆ เช่น นาย Lloyd Blankfein จากบริษัท Goldman Sachs และ นาง Abigail Johnson จากบริษัท Fidelity International ได้มีความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ cryptocurrencies และเทคโนโลยี blockchain

Stephens กล่าวว่า blockchain และ cryptocurrencies “ได้กระตุ้นให้ผู้มีอำนาจด้านการเงินนั่งอยู่สุขไม่ได้ และเทคโนโลยีนี้ยังทำให้เกิดการโต้แย้งและการเข้าใจผิด เขายังบอกให้ Jamie Dimon และคนอื่นๆ ว่า ให้ทำการบ้านเรื่อง Bitcoin เป็นอย่างแรก” เขากล่าว:

“ผมขอแนะนำให้ Jamie Dimon และคนอื่นๆ ไปทำการบ้านเรื่อง Bitcoin ก่อน เพราะ Bitcoin ไม่ใช่เรื่องฉ้อฉล มันเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ อย่าไปลดราคามันเลย”

สำหรับนาย Stephen นั้น เขามองว่าบริษัทใน Silicon Valley ส่วนใหญ่นั้นดูเหมือนว่าจะยังหันหลังให้กับเทคโนโลยีนี้เป็นเวลานานมาแล้ว โดยเฉพาะเพื่อนๆของเขาที่ทำงานในบริษัทด้านนักลงทุน venture capital ส่วนใหญ่ที่ยังเข้าใจผิดๆ ในเรื่อง cryptocurrency และ Blockchain เนื่องจากว่าพวกเขายังทำการบ้านไม่พอ

ราคาของ Bitcoin ไม่ใช่ฟองสบู่

ในขณะที่ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Fortune นาย Stephen ยังกล่าวถึงเรื่อง ICO ที่ผู้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องระดมทุนดังกล่าวมากเกินไป และให้ความสนใจเรื่องระบบเครือข่ายของ Ethereum Token น้อยเกินไป ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจของตนในรูปแบบใหม่โดยการสร้าง Token บน Blockchain ของ Ethereum ได้

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

“ก็เหมือนกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ICO ก็สามารถนำไปใช้ในทางที่ผิด มันสามารถมีการทุจริตได้เช่นเดียวกับการทุจริตในตลาดหุ้นทั่วไป เพียงเพราะเทคโนโลยีถูกใช้ในทางที่ผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สำคัญ ส่วนเรื่อง token นั้นมีความสำคัญ ไม่ใช่แค่ตัวของ ICO เอง แต่เรื่องของการทำธุรกรรมคือเรื่องที่ผู้คนควรให้ความสนใจด้วย”

นาย Stephen กล่าวเสริมว่า เขาเชื่อว่าเทคโนโลยี blockchain จะช่วยเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม และจะช่วยให้บริษัท Startup ได้ส่วนแบ่งของตลาด ต่างจากบริษัทที่เลือกที่จะละเลยในเทคโนโลยี blockchain นี้

เมื่อถามเขาว่า จะหลบหลีกปัญหานี้ได้อย่างไรถ้า Bitcoin กลายเป็น “ฟองสบู่ที่ใหญ่มาก” เค้าตอบกลับว่า อย่างแรกเลยนะครับ ผมคิดว่า Bitcoin จะไม่กลายเป็นฟองสบู่ และถ้ามันเกิดฟองสบู่ขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่สามารถทำอะไรกับ Wall Street หรือ Main Street ได้

นอกจากนี้เขายังกล่าวเพิ่มเติมเรื่องมูลค่าตามราคาตลาด 70,000 ล้านเหรียญ ของ Bitcoin ที่ก่อนหน้านี้มีมูลค่าตลาดรวมที่เทียบเท่าของ Paypal ว่า เราจะพูดถึงหนึ่งในฟองสบู่ที่เล็กที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาเมื่อเทียบกับขนาดของวิกฤตทางการเงินอื่นๆ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น