<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ราคา Bitcoin ยังคงตัวเหนือ 4,000 ดอลลาร์เนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศญี่ปุ่น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคาของ Bitcoin พุ่งไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 4225.40 บนตลาดโลก (อ้างอิงจาก Coinmarketcap) และ 150,000 บาทบนตลาดไทย (4,518 ดอลลาร์) เมื่อช่วงสายๆของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่จะลงไปปรับฐานที่ระดับราคาใกล้ๆกับ 4,000 ดอลลาร์ โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวด้าน cryptocurrency และ blockchain อย่าง Crypto Coin News นั้น พวกเขาเชื่อว่าสาเหตุการขึ้นของราคานั้นหลักๆมาจากความต้องการในตัว Bitcoin เพิ่มและรวมถึงปัญหาด้านการเมืองในประเทศญี่ปุ่น

การปรับฐานของราคาที่ 4092.21 ดอลลาร์เมื่อช่วงค่ำๆวันอาทิตย์นั้นทำให้มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin นั้นพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 67.5 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap ซึ่งราชาแห่งเหรียญคริปโตตัวนี้ได้กินส่วนแบ่งการตลาดไปถึง 49.44% ของเหรียญทั้งหมด ในขณะที่เหรียญอันดับสองอย่าง Ethereum นั้นครองที่ 20.47% ซึ่งในจังหวะเวลานั้น เหรียญ Bitcoin ได้แย่งส่วนแบ่งมูลค่าตลาดมาถึง 6.31% ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง

ราคาของ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นถึง 4 เท่าในช่วงปี 2017 นี้ โดยพุ่งไปถึง 40% แล้วเพียงแค่ในเดือนสิงหาคมเดือนนี้เดือนเดียว และมีมูลค่าตลาดรวมที่พุ่งขึ้นไปมากกว่า 10 พันล้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ประเทศญี่ปุ่นจัดหนัก

การซื้อขายระหว่างคู่ BTC/JPY นั้นคิดเป็นมูลค่าถึง 46% ของทั้งโลกจากเมื่อสามวันที่แล้ว อ้างอิงจาก CryptoCompare นั้น คู่ BTC/USD กลับลดลงไปเหลือเพียงแค่ 25% เท่านั้น ในขณะที่คู่เทรดของสกุลหยวนและวอนอยู่ที่ 12% ต่อคู่

การพุ่งขึ้นนั้นได้มีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าขึ้นตามทองคำ และสวนทางกับตลาดหุ้นและรวมถึงพันธบัตรที่มีการเทขายกันอย่างรุนแรง เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างประเทศสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ ทำให้พวกเขาต้องกระจายความเสี่ยงทางด้านการลงทุนมาที่ Bitcoin และเหรียญ cryptocurrency ตัวอื่นๆ

“Bitcoin นั้นได้รับประโยชน์จากปัญหาความขัดแย้งและตึงเครียดทางการเมือง การเทรดในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” กล่าวโดยนาย Brian Kelly หรือผู้เชี่ยวชาญกิตติมศักดิ์ของช่องสถานีโทรทัศน์ CNBC หรือหัวหน้าของ BKCM ที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์กลยุทธ์ราคาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอล เขายังกล่าวถึงการแยกตัวของ Bitcoin และการให้ความสนใจของประเทศรัสเซียด้วยว่าสองอย่างนี้เป็นผลที่ทำให้ราคาของ Bitcoin ขึ้นอีกเช่นกัน

นักวิเคราะห์รายอื่นๆยังวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันด้วยว่านักลงทุนหลายๆคนหันกลับมาซื้อ Bitcoin หลังจากการแยกตัวของ Bitcoin Cash เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ทำให้ความมั่นใจของพวกเขากลับคืนมา

รวมถึงบริษัทโบรคเกอร์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯนามว่า Fidelity ที่ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถทำให้ลูกค้าของพวกเขาดูยอด Bitcoin คงเหลือผ่าน Coinbase อีกทั้งยังมี Goldman Sachs ที่มีการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนที่ออกมาบอกว่านักลงทุนนั้นไม่สามารถหันหลังให้กับ Bitcoin ได้อีกต่อไปแล้ว

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

Milestone ต่อไปที่หลายๆคนกำลังเฝ้ารอ

“การพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ที่ไปแตะ 4,000 ดอลลาร์นั้นถือเป็น milestone ครั้งสำคัญที่ผู้ใช้งาน cryptocurrency ได้เป็นสักขีพยานรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน” กล่าวโดยนาย Iqbal V. Gandham หรือ MD ของโบรคเกอร์ชื่อดัง eToro เขายังเสริมอีกว่า “หลังจากที่ราคาของมันตกลงไปถึง 1,800 ดอลลาร์ มันก็ได้กลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ”

“ยิ่งไปกว่านั้น ระบบ ecosystem ของมันก็ยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ” กล่าวต่อโดยนาย Grandham “คุณมีร้านค้าเพิ่มขึ้นอีกหลายๆที่ที่สามารถใช้ Bitcoin ไปซื้อได้ อีกทั้งยังมีผู้ออกกฎหมายในอีกหลายๆประเทศที่กำลังคิดค้นหาวิธีทำให้มันถูกกฎหมาย และยังมีนักลงทุนอีกมากมายที่กำลังหันมาเรียนรู้เจ้าพวกสกุลเงินเหล่านี้”

นาย Max Keiser หรือพิธีกรรายการ RT และรวมถึงคุณยุธวิธีหรือนักเทรดเหรียญคริปโตมืออาชีพในประเทศไทยได้ทำนายว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะพุ่งขึ้นไปสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ในปี 2017 นี้ เนื่องมาจากการพัฒนาและติดตั้งระบบ SegWit ของนักพัฒนา Bitcoin Core ที่จะทำให้การทำธุรกรรมของ Bitcoin นั้นรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่

อนาคตของ Bitcoin นั้นยังคงไม่แน่นอน เพราะมันอาจจะมีการแยกตัวเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ เมื่อส่วนที่สองของ Segregated Witness นั้นจะถูกติดตั้ง

นาย Chris Burniske หรือผู้ประพันธ์หนังสือที่จะวางจำหน่ายในอีกไม่นานนี้ชื่อว่า “Cryptoassets: The Innovative Investor’s Guide to Bitcoin and Beyond” กล่าวว่าการ pull back ของราคาที่จะทำให้มันร่วงลงมาอย่างรุนแรงนั้น ถ้าหากจะเกิดขึ้นก็คงไม่แปลก หากดูจากการพุ่งของราคาที่ขึ้นมาซะสูงขาดนี้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น