<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตัว Hard Fork ของ Ethereum นาม Byzantium ถูกเลื่อนการติดตั้งออกไปเพื่อทดสอบเพิ่ม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การติดตั้งตัวอัพเกรด “Byzantium” บนเครือข่ายของ Ethereum ผ่านการ hard fork นั้นดูเหมือนว่าจะถูกเลื่อนออกไปอีก เนื่องมาจากว่าทางทีมพัฒนาจะต้องทำการทดสอบเพิ่ม

ตัว hard fork ดังกล่าวนี้จะถือเป็นขั้นตอนแรกของตัวอัพเกรด Metropolis (ที่จะมีการแบ่งเป็นสองช่วงคือ Byzantium และ Constantinople) โดยจะถูกเลื่อนการติดตั้งออกไปที่เวลาบล็อก 437,000,000 หรือประมาณวันที่ 17 ตุลาคมที่จะถึงนี้ อ้างอิงจาก CoinDeskโดยวัน hard fork ก่อนหน้านี้ถูกตั้งไว้ในวันที่ 9 ตุลาคม

การเลื่อนการติดตั้งดังกล่าวมีขึ้นโดยการตัดสินใจของผู้ก่อตั้ง Ehtereum หรือ Vitalik Buterin ที่เพิ่งจะออกมาแนะนำนักพัฒนาหลักเมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าระบบแพลทฟอร์มนั้นควรที่จะมีความเสมอต้นเสมอปลายเหมือนกับการ fork ในครั้งก่อนๆ

“เราไม่ได้อยู่ในช่วงฉุกเฉิน” กล่าวโดยนาย Vitalik

โดยการแนะนำของเขาดูเหมือนจะมีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้นักขุด Ethereum หันมาปรับตัวกับการ hard fork ให้มากขึ้น สาเหตุหลักๆนั้นเพราะว่าค่าความยากในการขุด (difficulty) ที่จะเพิ่มขึ้นนั้น มีเพื่อจูงใจให้นักขุดเปลี่ยนไปขุดใน chain อื่นๆนั้นมีไม่สูงมาก และการขุดสร้างบล็อกใหม่จะสามารถทำได้ในช่วงตลอดเดือนตุลาคม

ก่อนหน้านี้นาย Vitalik ต้องการที่จะผลักดันให้การ hard fork ดังกล่าวมีขึ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคม แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจหลังจากที่มีปัญหาทะเลาะกับนักพัฒนาในงานประชุมเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว

วันกำหนดการ fork ที่ว่านี้ดูเหมือนจะเป็นการกำหนดครั้งสุดท้ายที่จะไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว อ้างอิงจากนาย Hudson Jameson เว้นแต่เสียว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสียก่อน

ก่อนหน้านี้การทดสอบตัว Byzantium บน Ropsten testnet มีขึ้นไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และการทดสอบนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่ทางนักพัฒนาคาดการณ์ไว้ ซึ่ง blockchain นั้นยังได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบยืนยันธุรกรรมส่วนตัวอีกด้วย

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

อย่างไรก็ตาม การทดสอบดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีความราบรื่นแบบ 100% เมื่อวานนี้มีผู้ไม่ประสงค์ดีคนหนึ่งทำการโจมตี testnet ของ Byzantium ด้วยการสแปมบล็อกทุกๆบล็อกด้วย contracts ราคาแพง แต่กระนั้น นาย Vitalik ก็ยังกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวนี้ “ค่อนข้างไม่สำคัญเท่าไรนัก”

เขายังได้กล่าวเพิ่มอีกว่า “กลุ่มคนผู้ใช้งานอยากจะใส่ขยะอะไรก็ได้มาบน Blockchain ของ Ethereum ถ้าพวกเขาอยากจะทำ” อีกทั้งเขาก็ยังยืนยันจะยังทดสอบบน testnet อีกต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าตัว client ของผู้ใช้งานสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่ Byzantium จะนำพามาในท้ายสุดได้

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น