<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ความสำคัญของข้อมูล: การที่จีนแบนคริปโตนั้น อาจมีอะไรแอบแฝงอยู่มากกว่าที่เห็น

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

พวกเราคงจะทราบกันดีกว่าประเทศจีนมีความต้องการที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือมือถือ ที่พวกเขาต้องผลักดันแบรนด์ของประเทศให้ตีตลาดระดับโลกได้ เช่น Huawei แต่ทำไมพวกเขากลับปฎิเสธและปิดรับกระแสของคริปโตที่กำลังเป็นที่ร้อนแรงนี้ จริง ๆ แล้วการที่พวกเขาตัดสินใจแบนคริปโตในประเทศไปนั้นอาจมีเรื่องราวเบื้องหลังมากกว่าที่คิดก็เป็นได้

เมื่อ Google เป็นมากกว่า Search Engine

ประเทศจีนรู้จักกันดีว่าใช้ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ พวกเขามีอำนาจในการปิดกั้นแม้กระทั่งการเข้าถึงทางโลกอินเตอร์เน็ตของคนประเทศเขาด้วย The Great Firewall ผู้คนในประเทศจะรับรู้สิ่งที่ทางรัฐบาลอนุญาตให้รับรู้เท่านั้น เช่น คนจีนไม่สามารถเข้าถึง Google หรือ Facebook ได้ พวกเขาต้องใช้ Search Engine Baidu แทน Google หรือใช้ Renren แทน Facebook

สาเหตุที่รัฐบาลประเทศจีนต้องการปิดกั้นเรื่องดังกล่าวเนื่องจาก พวกเขาต้องการที่จะป้องการการรั่วไหลของข้อมูลภายในประเทศไปสู่ภายนอก Google ดูอย่างผิวเผินแล้วอาจเป็นเพียงแค่ Search Engine ธรรมดา ที่มีประโยชน์กับเราอย่างมาก แต่พวกเราคงไม่ตระหนักว่า Google เก็บข้อมูลที่ผู้ใช้งาน พิมพ์ Search หาคำตอบอยู่ตลอด เช่น หากภรรยาของคุณท้อง โดยปกติแล้วเธอก็จะค้นหาใน Google ก่อนเสมอว่า “คนท้องควรทำอย่างไร” Google จะรู้ว่าภรรยาของคุณท้องก่อนคุณจะรู้ซะอีก หรือ ถ้าลูกสาวของคุณประจำเดือนมา เธอก็จะไปค้นหาใน Google ว่า “ประจำเดือนมารอบแรกต้องทำอย่างไร” Google จะทราบว่าลูกสาวของคุณประจำเดือนมาแล้วก่อนคุณซะอีก

มาตรงจุดนี้คงเริ่มเห็นกันว่า จริง ๆ แล้ว Google คือ สุดยอดเครื่องมือสอดแนมที่แนบเนียนที่สุดเท่าที่เคยมีมา เช่นเดียวกันกับ Facebook การเก็บข้อมูลนี้อาจขยายผลไปถึงหลาย ๆ เรื่องเช่น การนัดแนะถึงการรวมตัวก่อนการประท้วง, แผนการก่อการร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือ อาจเป็นข้อมูลภายในที่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ ซึ่งทางประเทศจีนตระหนัก และทราบถึงความเป็นไปได้นี้ดี พวกเขาจึงเลือกที่จะสร้าง Google และ Facebook ของตนเองขึ้นมา เพื่อเก็บข้อมูลอันมีค่าของคนในประเทศตัวเองไว้

ตามรอยเดิม

ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน กรณีเดียวกันนี้กำลังเกิดขึ้นในวงการคริปโต ถึงแม้ว่าประเทศจีนจะดูไม่ต้อนรับคริปโต พวกเขาได้ทำการแบน ICO, การเทรดคริปโตภายในประเทศ และเว็บเทรดคริปโตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จริง ๆ แล้วมีหรือที่ผู้นำทางดด้านเทคโนโลยีอย่างจีนนั้นจะพลาดโอกาสสำคัญ ๆ อย่างนี้

การที่พวกเขาปิดรับคริปโตเหล่านั้น เนื่องจากอันดับแรกมันเป็นสิ่งที่พวกเขา ควบคุม ตรวจสอบ ดูแล ได้ยาก เนื่องจากคริปโตนั้นทำงานอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความสามารถในการกำจัดตัวกลางของเครือข่ายออกไป และข้อมูลทั้งหมดในเครือข่ายนั้นมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

อันดับที่สองคือการรั่วไหลของข้อมูลออกไปภายนอก เราทราบกันอยู่แล้วข้อมูลเหล่านี้สำคัญขนาดไหน ประเทศจีนจึงไม่อยากปล่อยให้คนภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลของคนในประเทศได้ เช่น ข้อมูลการทำธุรกรรม หรือการโอนถอดคริปโต

สิ่งที่กำลังจะเกิด

ลึก ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ปิดรับเทคโนโลยี Blockchain เลย พวกเขาเล็งเห็นถึงศักยภาพของ Blockchain ว่ามันมีความสามารถในการปฎิวัติอุตสาหกรรมได้หลายอุตสาหกรรมเลยทีเดียว สังเกตได้จากข่าวที่ออกมา เช่น สำนักงานตรวจสอบบัญชีแห่งประเทศจีนตั้งใจใช้ Blockchain เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ, ประเทศจีนเตรียมใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อส่งใบกำกับภาษีและเก็บภาษี, บริษัทเครือ Sinochem ในจีนประยุกต์ใช้ Blockchain ในการส่งออกน้ำมันครั้งแรกสำเร็จ, ธนาคารประเทศจีนนาม China Construction Bank จับมือ IBM สร้าง Blockchain ด้านประกัน หรือ ทางรัฐบาลจีนจัดตั้งกองทุนสำหรับ Blockchain มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เป็นต้น จะเห็นว่าจีนไม่ได้รังเกียจหรือปิดกั้นเทคโนโลยีดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย

ผู้เขียนคาดว่าในตอนนี้ ประเทศจีนอาจกำลังสร้างคริปโต หรือ Blockchain แบบ Private ของตัวเองอยู่ก็เป็นได้ คล้าย ๆ กับการที่พวกเขาสร้าง Baidu ขึ้นมาแทน Google ให้คนในประเทศใช้งาน พวกเขาอาจกำลังสร้างเงินหยวนจีน หรือแพลตฟอร์ม Smart Contract คล้าย ๆ Ethereum แต่เป็นของจีนก็เป็นได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้เก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นภายใน Blockchain ทั้งหมดไว้เอง และหากมันเกิดขึ้นจริง ๆ ผู้เขียนคาดว่าคริปโตตั้วนั้นต้องกลายเป็นเจ้าใหญ่ในตลาดโลกแน่นอน เนื่องจากมันถูกสนับสนุนโดยรัฐบาลจีน และจะเป็นอีกประเด็นที่น่าติดตาม

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น