<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เผย การฟอกเงินด้วยคริปโตมีจำนวนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับเงินสด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสกุลเงินดิจิทัลมันจะถูกกล่าวหาว่าถูกใช้ในการฟอกเงินอยู่บ่อครั้ง แต่จากรายงานการประเมินความเสี่ยงล่าสุดจากกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ พบว่าการฟอกเงินด้วยคริปโตนั้นอาจไม่ได้รับความนิยมเท่าที่คิด

โดยรายงานล่าสุดจากกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้ออกมาเผยแพร่เกี่ยวกับกับการฟอกเงิน และการสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติในปัจจุบัน ที่รวมถึงวิธีการที่องค์กรอาชญากรรมทำการฟองเงินเพื่อเคลื่อนย้ายทุนของพวกเขาไปที่ต่างๆ

สิ่งที่น่าสนใจคือ ในปัจจุบันอาชญากรข้ามชาติส่วนใหญ่ยังคงใช้เงินสด เพราะมันไม่สามารถระบุตัวตนได้ มีความมั่งคง และสามารถนำมาชำระเงินได้ดี ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้สกุลเงินดิจิทัลแล้วถือว่ามีจำนวนต่ำกว่ามาก

รายงานดังกล่าวเน้นย้ำว่า การลักลอบขนเงินสดจำนวนมาก ดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงเป็นวิธีฟอกเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งในและนอกประเทศ ด้วยการนำเงินสดจะถูกขนส่งข้ามพรมแดนและฝากเข้าบัญชีธนาคารต่างประเทศ

“อาชญากรการฟอกเงินด้วยเงินสดยังคงได้รับความนิยมอยู่ เนื่องจากเงินสดทำให้ไม่เปิดเผยตัวตน โดยเฉพาะกับสกุลเงินสหรัฐฯ ที่ได้รับการยอมรับและมีเสถียรภาพในวงกว้างขวาง”

ในขณะที่สำนักงานภาคสนามของศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากด่านตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 300 แห่งในประเทศ เงินสดยังคงถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ถูกขนส่งอย่างกว้างขวาง โดยการขนเงินด้วยเครื่องบินส่วนตัวนั้นกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

“การใช้เครื่องบินเป็นวิธีการที่รวดเร็วกว่าในการเคลื่อนย้ายสกุลเงินเข้า และออกจากสหรัฐอเมริกาในระยะทางไกล ซึ่งดีกว่าการบรรทุกเงินขึ้นยานพาหนะหรือมัดไว้กับคนเดินถนน”

อย่างไรก็ตาม กรมธนารักษ์ยังได้ออกมายอมรับว่าการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการฟองเงินนั้นต่ำกว่าสกุลเงิน Fiat และวิธีการทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่เงินดิจิทัลเหล่านั้นยังคงได้รับความนิยมในความผิดอื่นอยู่อีก ไม่ว่าจะเป็นการแรนซัมแวร์ การค้ายาเสพติด หรือการค้ามนุษย์

นอกจากนี้ ในเอกสารยังได้มีการกล่าวถึง Binance.US ที่ถูกสั่งปิดตัวและโดยระงับคดีมูลค่ากว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์ไปในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของบริษัทที่ไม่สามารถทำตามมาตรการการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ได้

ที่มา: Cointelegraph