ผู้บริหารในวงการอุตสาหกรรมทางการเงินได้โต้แย้งการตัดสินใจของ Google ที่ทำการแบนโฆษณา Cryptocurrency ว่า มันไม่ใช่แค่เพียง “ไม่เป็นธรรม” แต่มันยังไม่มี “จรรยาบรรณ” อีกด้วย ใน Facebook และ Twitter ก็มีมาตรการแบบเดียวกัน โดนการแบนนี้จะครอบคลุมไปถึง Cryptocurrency, ICO, เว็บเทรดคริปโต, กระเป๋าเก็บคริปโตและเครื่องมือช่วยในการเทรด
นาย Philip Nunn CEO ของ Blackmore Group บริษัทด้านการลงทุนในเมือง Manchester กล่าวว่า เนื่องจาก Google และ Facebook ได้ให้ความสนใจใน Cryptocurrency และ Blockchain ซึ่งการแบนนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาชญากรรมแต่อย่างใด
โดยเขากล่าวกับทาง Independent ว่า:
“ผมเข้าใจที่ทาง Google และ Facebook ทำนะ เมื่อพวกเขาจำเป็นต้องตัดสินใจในการจำกัดสิ่งที่ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงย่อม รู้สึกกดดันเป็นธรรมดา แต่พวกเขาก็ยังโฆษณาเว็บไซต์การพนันและการกระทำที่ไม่มีจรรยาบรรณอีกหลายอย่างนะ”
การแบนของ Facebook ล้มเหลว
นักการตลาดยังคงสามารถหลีกเลี่ยงการแบนโฆษณา Cryptocurrency จากทาง Facebook ได้เช่นคำว่า “Cryptocurrency” อาจย่อด้วย “c-currency” หรือ การเติม “0” แทนตัว “o” ในคำว่า Bitcoin
นักต้มตุ๋นได้ใช้ Google และ Facebook ในการโฆษณา ICO หรือเว็บเทรดที่เข้าข่ายหลอกลวงอยู่เสมอ
โดยก่อนหน้านี้ Search Engine นาม Bing ก็ได้ทำการแบนโฆษณา Cryptocurrency เป็นที่เรียบร้อยเช่นกัน เและดูหมือนว่าแพลตฟอร์ม Social Media ต่าง ๆ เริ่มตื่นตัวเรื่อง Cryptocurrency มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแบนโฆษณาหรือการศึกษาในตัว Cryptocurrency ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็กำลังศึกษาทั้งข้อดีและข้อเสียของ Cryptocurrency อยู่นั่นเอง
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น