ดูเหมือนว่าผู้ที่เข้ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโตนั้น จะมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างรวดเร็วอย่างมาก และนั่นก็ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยอีกด้วย โดยล่าสุดนั้นสื่อเจ้าใหญ่ชื่อดังได้มีการรายงานว่าบริษัทสัญชาติไทยผู้ให้บริการด้านกระดานซื้อขาย Bitcoin อย่าง Bitkub นั้นมีการเติบโตที่ค่อนข้างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
โดยอ้างอิงจากรูปภาพของเพจลงทุนแมน ที่ได้มีการนำเอาบริษัท Startup แต่ละแห่งมาเปรียบเทียบกันนั้น หากสังเกตจากรูปด้านล่างจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีบริษัททรัพย์ที่ถูกนำมาหยิบยกตัวอย่างอยู่ 5 บริษัทด้วยกันและหนึ่งในนั้นก็เป็นบริษัท Bitkub ผู้ให้บริการด้านการเทรดเหรียญคริปโตชื่อดังในไทย
นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบรายได้ในปี 2561 และปี 2562 อีกด้วย อีกด้วย โดย จะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอัตราการก้าวกระโดดของรายได้นั้นสูงถึง 338 เปอร์เซ็นต์ โดยเพิ่มขึ้นมาจาก 8 ล้านบาทในปี 2561 ขึ้นไปอยู่ที่ 35 ล้านบาทในปี 2562 เลยทีเดียว
หากนักเทรดคริปโตในวงการในประเทศไทยยังจำกันได้ดีนั้นช่วงปี 2561 และปี 2562 ที่ผ่านมาถือเป็นช่วงขาลงของตลาดคริปโตแบบเห็นได้ชัด และการทำกำไรด้วยการเทรดคริปโตในช่วงนั้นถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากอย่างมาก แต่สำหรับกระดานเทรด Bitcoin นั้นถือเป็นข้อยกเว้นเนื่องจากว่าพวกเขาไม่ได้ทำการเทรดเหรียญแต่ว่าสร้างรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมของคนที่เข้ามาเทรด
อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจจะอธิบายถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ Bitkub ได้ก็คือก่อนหน้านี้ส่วนแบ่งตลาดเว็บเทรดเหรียญคริปโตในประเทศไทยนั้น มีเว็บ Bx.in.th ครองอยู่เป็นส่วนใหญ่ หากอ้างอิงจากโวลุม
อย่างไรก็ตามทางเจ้าตลาดอย่าง Bx ก็ได้ออกมาประกาศปิดตัวเว็บของพวกเขาลงแบบสายฟ้าแล่บเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลทำให้นักเทรดขาจรในขณะนั้นต้องงงเป็นไก่ตาแตกพร้อมตั้งคำถามว่าพวกเขาจะไปเทรดที่ไหนต่อดี
และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างบริษัทเว็บเทรดเหรียญคริปโตที่เพิ่งเปิดใหม่ในช่วงนั้น เมื่อนักเทรดเป็นจำนวนมากได้หลั่งไหลจาก Bx ไปยังเว็บน้องใหม่อย่าง Bitkub และ Satang Pro เพื่อหาตลาดใหม่ในการปักหลัก และในช่วงนั้นเองจึงเป็นช่วงที่อาจคาดการณ์ได้ว่าเว็บเทรดคริปโตน้องใหม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมาก
นอกจากนี้ในช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตเริ่มกลายมาเป็นขาขึ้น แต่เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้ไม่นานก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่เรียกว่า Black Thursday ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงที่ตลาด bitcoin และเหรียญคริปโตอื่นๆนั้นร่วงอย่างรุนแรง
แต่กระนั้นภายหลังจากการ halving ของ Bitcoin ตลาดก็เริ่มที่จะมีการฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งและในตอนนี้ราคาเริ่มวิ่งเข้าใกล้ 10,000 ดอลลาร์มากเข้าไปทุกขณะ จึงมีการคาดการณ์ว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มีมือใหม่เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในตลาดขึ้นโตมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนี้เรายังได้เห็นบริษัทต่างชาติเข้ามาขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. กันมากขึ้น สิ่งนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าวงการคลิปโตในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดลงง่ายๆ