<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตของ JPMorgan คาดว่า “ตลาดหมีที่เลวร้ายอาจจบลงแล้ว”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ได้กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำของตลาดคริปโตอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญในการที่ตลาดคริปโตจะหยุดเป็นแนวโน้มขาลงเสียที

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Nikolaos Panigirtzoglou นักวิเคราะห์ของ JPMorgan  เน้นย้ำถึงการให้ความช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในด้านการเงิน และการระดมทุน ในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา

Panigirtzoglou กล่าวเสริมว่าสำหรับการวิกฤตด้านการเงินของบริษัทคริปโตบางแห่งอาจทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงอย่างมากต่อตลาด เช่น Three Arrows Capital และ Celsius เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม Panigirtzoglou โต้แย้งว่า ตลาดหมีอาจสิ้นสุดลง เมื่อหน่วยงานด้านคริปโตก้าวเข้ามาให้ความช่วยเหลือบริษัทที่ประสบปัญหา โดยเขาระบุว่า

“ความจริงที่ว่าหน่วยงานด้านคริปโตที่มีงบดุลด้านการเงินที่แข็งแรงจะสามารถก้าวเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับบริษัทด้านคริปโตได้”

ในส่วนของกระดานแลกเปลี่ยน FTX ของ Sam Bankman-Fried นั้นกำลังจะขยายอิทธิพลไปทั่วอุตสาหกรรม โดยมีข่าวลือว่า FTX เสนอให้ซื้อแพลตฟอร์มการให้ยืมคริปโต BlockFi ในราคา $25 ล้านดอลลาร์ ตามรายงานวันที่ 30 มิถุนายน แต่อย่างไรก็ตาม Zac Prince ซีอีโอของ BlockFi ได้ปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวในทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน

Panigirzoglou ยังมองว่า การระดมทุนของผู้ร่วมทุนในพื้นที่คริปโตนั้นเป็นสัญญาณที่ดี ตามการประมาณการของ JPMorgan มีการระดมทุน VC มูลค่าประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทคริปโตในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 

ซึ่งหากใช้ตัววัด Dove Metrics จะประมาณการว่าการระดมทุนคริปโตเหล่านั้นอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 8.6 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลานั้น

ตัวเลขอัตราการระดมทุนนี้ลดลงแตะระดับ 2.2 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคมและเมษายน แต่เพิ่มขึ้นขึ้นอีกครั้งเป็น 3.4 พันล้านดอลลาร์จากเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2021

การคาดการณ์ล่าสุดจาก JPMorgan ในปี 2022 น่าจะทำให้นักลงทุน crypto หายใจได้ทั่วท้องบ้างไม่มากก็น้อย  เพราะจากการวิเคราะห์ล่าสุดของ Glassnode มองว่าตลาดหมีในปีนี้เป็นตลาดหมีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งพิสูจน์ได้จากข้อมูลของ CoinGecko เพราะเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 จะเห็นได้ว่าตลาดคริปโตเคยมูลค่ารวมสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันลดเหลือ 9.3 แสนล้านดอลลาร์เท่านั้น