ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้น ทำให้ธุรกรรมที่ใช้เทคโนโลยีนี้ มีความโดยเด่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งนั่นก็คือ เมื่อทำธุรกรรมเสร็จสิ้นแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับมาได้ แต่บางครั้งคุณสมบัตินี้ก็อาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคน
เนื่องจากล่าสุดมีกระเป๋าเงินที่เสียค่าธรรมเนียมมากถึง $350,000(ประมาณ 216 ETH) และที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ การทำธุรกรรมได้ล้มเหลวล้มเหลวลงในที่สุด
Etherscan เว็บสำรวจ Blockchain พบว่ากระเป๋า ที่จ่ายค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจำนวนมากนั้นมีความเชื่อมโยงกับการแฮ็ก Nomad bridge เมื่อไม่นานมานี้ โดยยอดความเสียหายล่าสุดที่เช็คได้ คือมูลค่าประมาณ 200 ล้านดอลลาร์
ตามภาพที่แสดงด้านบน ผู้โอนได้ส่ง Eth เพียงเล็กน้อยไปยังที่อยู่ของผู้รับในวันจันทร์ ซึ่งการทำธุรกรรมล้มเหลวในท้ายที่สุด
สามารถกู้เงินคืนได้หรือไม่?
ในปัจจุบันเครือข่าย Ethereum ยังคงใช้ระบบฉันทามติแบบ Proof of work ซึ่งข้อเสียที่สำคัญของกลไก PoW คือความเร็วในการประมวลผลธุรกรรม โดยจะมีธุรกรรมเพียง 30 รายการเท่านั้นที่จะได้รับการประมวลผลในเวลาไม่กี่วินาที
เมื่อผู้ใช้งานพยายามเร่งการทำธุรกรรม จะสามารถทำเพิ่มค่าธรรมเนียมเพื่อให้การดำเนินการเร็วขึ้น แต่หากผู้ใช้งาน พลาดใส่จำนวนเงินที่โอนในค่าธรรมเนียมธุรกรรมนั้นก็อาจผิดพลาด และเงินก็จะสูญหายไปทั้งหมด แต่ในกรณีของธุรกรรมดังกล่าวนั้น ผู้ส่ง (แฮ็กเกอร์ Nomad) มีแนวโน้มที่จะอัดค่าแก๊สเพื่อทำให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว โดยใช้ค่าแก๊สไปเกือบ ๆ 216 ETH ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ก็ไม่สำเร็จ
โดยค่าธรรมเนียมที่จ่ายไปนั้นจะถูกส่งไปบล็อกของนักขุดเหมืองเพื่อตอบแทนเป็นรางวัล ดังนั้นหากผู้ใช้มีแผนที่จะดึงเงินจำนวน $350,000 ออกมา ผู้ส่งจะต้องติดต่อนักขุดผ่าน Etherscan โดยตรง ณ บล็อครางวัลหมายเลข 15259103 และยังไม่เป็นที่แน่นอนว่านักขุดจะยอมคืนเงินให้หรือไม่
ที่มา : coinfomania